วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

10: ฌานนิมิตถึงพระอริยะเจ้า

อย่าพึ่งเชื่อ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
IT Man/09.08.56

ฌานนิมิตถึงพระอริยะเจ้า..หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ

โพสเมื่อ 02-09-2011, 06:54 AM
สวัสดียามเช้า ฝนตกปอยๆครับเพื่อนๆ ญาติธรรมทั้งหลายเช้านี้ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิต่อตามปกติ ประมาณ 5 นาที ผมนิมิตเห็นหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ สมัยหนุ่มๆอายุท่านราว 30 ปลายๆ นั่งฉันภัตตาหารเช้าอยู่ ภาชนะเป็นถาดแบบพาข้าวแบบทางอิสาน ท่าทางจะฉันข้าวเหนียวนะ ผมมองดูนานมากแต่ท่านไม่ได้มองหน้าผมเลย ตั้งหน้าตั้งตาฉันๆๆ

ผมจึงบังคับจิตเลี่ยงไปทางซ้าย(เรา)เพื่อไปภูดานไห ปรากฏว่าเจอคุณแม่ชมขวางเอาไว้ อย่างเคล่งขลึมหันหน้าไปทางอื่น...ผมได้แต่มองเห็นภูดานไหเป็นสีขาว-ดำลางๆ (เป็นเหมือนเมือง) แต่หลวงพ่อคูณนี่เป็นภาพปกติสีนิแหละ สักพักเห็นหลวงพ่อคูณผุดมาท่ามกลางญาติโยมมากมาย อายุท่านราวๆ 50 กว่าๆ เห็นได้ไม่นานนัก

จากนั้นปรากฏเห็นหลวงพ่อคูณ ร่างผอมมากๆนอนบนเตียงพยาบาล ผ้าคลุมสีขาว มีสายน้ำเกลือ สายอะไรต่างๆเยอะไปหมด มีหมอ-พยาบาลห้อมล้อมมากมาย แต่หลวงพ่อก็เฉยๆ ในดวงจิตมีเสียงก้องอยู่บนหัวว่า "สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ไม่มีใครหลีกหนีความเสื่อมสิ้นนี้ไปได้ สังขารทั้งหลายมีความตายไปเป็นธรรมดา ไม่มีใครหลีกหนีความตายไปได้ ๆๆๆ " ประมาณ 3 รอบ

จากนั้นผมได้เข้าสู่สมาธิระดับที่นิ่งสงบมากยิ่งขึ้น ได้สักพักก็ย้อนมาดูที่นิมิตหลวงพ่อคูณอีกครา ว่านี่เกิดอะไรขึ้น? ที่นี้ผมเห็นรูปหลวงพ่อร่างกายผ่องใส ไม่มีสายอะไรๆให้เห็นรกตา ท่านยิ้มให้และมองมาทางผม เท่านั้นแหละครับ กายผมสั่นๆยังกะผีเข้า เกิดความปีติ น้ำตาซึมๆ สักพัก ก็สงบ ขึ้นๆลงๆ จนรู้สึกว่าตัวเองจะไม่ไหวแล้วก็พยายามถอนออกจากสมาธิ งานนี้เกิดอาการเดิมครับ แต่ผมไม่ขอเรียกว่าอาการปีติ แต่มันเป็นอาการร้องไห้ เสียใจ เหมือนจะต้องจากกันไปอย่างสุดประมาณ

ผมต้องก้มลงกราบต่อหน้าพระประธาน 3 หน จิตก็น้อมไปยังพ่อแม่ครูอาจารย์ พร้อมกับร้องออกมาว่า หลวงพ่อๆ คือไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรแล้วว่างั้นเหอะครับ พอลืมตาจากสมาธิปรากฏว่าน้ำตาผมคิดว่ามันจะน้อยๆ แต่มันกลับหลั่งไหลประมาณว่ามันอุดตันอยู่ในดวงตา ไหลออกมายังกะสายน้ำ ต้องเดินหาห้องน้ำเพื่อสั่งน้ำมูกและล้างน้ำตาออกมา แต่พูดก็พูดเหอะครับ น้ำตาผมไม่มีแห้งเลย มันซึมออกมาตลอดเวลา

ท่านที่อยู่ใกล้ท่าน (ด่านขุนทด) ผมขอฝากกราบนมัสการท่านด้วยนะครับ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ พระโพธิสัตว์ ที่สมัยพุทธกาลท่านเป็นวานรโพธิสัตว์คู่กับพญาช้างโพธิสัตว์ที่คอยอุปัฐากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน (ตามที่เราเห็นเป็นพระประจำวันพุธกลางคืนหรือพระราหูนั่นแหละครับ)


IT Man: http://board.palungjit.org/f131/หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร-ฝัน-231506-221.html#post5063962

"สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ไม่มีใครหลีกหนีความเสื่อมสิ้นนี้ไปได้ สังขารทั้งหลายมีความตายไปเป็นธรรมดา ไม่มีใครหลีกหนีความตายไปได้ ๆๆๆ "
.....................................................................
ขออนุโมทนากับก้าวกระโดดทางจิตและอริยมรรคที่กำลังเกิดขึ้นกับท่านสมบัติ นี่แหละลูกพระพุทธเจ้า ผู้จะสืบต่อพระพุทธศาสนาต่อไป

ผู้ที่เข้าสู่กระแสแห่งมรรคแล้ว จิตย่อมมหัศจรรย์ อุบายธรรมทั้งหลายจะหลั่งไหลมาสอนจิตทั้งภาพในนิมิตและเหตุการณ์จริงๆที่อยู่รอบๆกายเรา อุบายธรรมข้างบนนั้น เป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง แล้วจึงมาตรัสสั่งสอนสาวกของท่านให้พิจารณาหลักความจริง(สัจธรรม) ที่สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนมีเกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดา ท่านสมบัติกำลังเข้าสู่กระแสมรรคจึงปรากฏอุบายธรรมนี้ขึ้นมา และจะมีปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆเพื่อให้จิตของเราเบื่อหน่ายต่อการเกิดแก่เจ็บตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อไปท่านสมบัติจะเห็นกายของตัวท่านเองกำลังเน่าผุพังตามลำดับ (ผมพยากรณ์ไว้แบบนี้.....)

ส่วนผมนั้น เนื่องจากการภาวนาสมาธิจะไม่เกิดภาพนิมิตใดๆ เพราะผมเคยอธิษฐานไว้ว่า หากยังไม่บรรลุธรรมก็ไม่อยากเปิดตาที่สาม ดังนั้น อุบายธรรมที่จะมาสั่งสอนผมนั้น จึงมาแบบตัวเป็นๆ ดั่งที่เคยเล่าให้ฟังแล้วว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา สุนัขที่บ้านผมออกลูกมาสี่ตัว ทำให้ผมนั่งมองและวิปัสสนาจากการเกิดของลูกสุนัขที่ออกมาแต่ละตัวนั้นแสนยากลำบาก การแย่งดูดนมแม่ การปกป้องลูก ต่อมาไม่นานลูกสุนัขเกิดเจ็บป่วยทีละตัว ผมเฝ้าดูอาการและเกิดผุดรู้ขึ้นมาว่า ลูกสุนัขจะตายทั้งหมด วันไหนตัวใดจะตายก็จะผุดรู้ขึ้นมา ตัวที่สามตายคามือของผม ผมพึ่งเห็นอาการของสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะตาย โดยอาการสะอึกหายใจสามครั้งแล้วก็ตาย ผมฝังทีละตัว จิตของผมเริ่มมีอุเบกขาต่อการเกิดแก่เจ็บตายของสรรพสัตว์

และน่าแปลกและตรงกับนิมิตของท่านสมบัติในวันเดียวกัน ซึ่งเป็นอุบายธรรมเกี่ยวกับความไม่เที่ยงของสังขารก็คือ เมื่อวานลูกสุนัขตัวที่สี่ตัวสุดท้าย ได้ตายลงเพราะปีนป่ายรั้วประตูหน้าบ้านแล้วติดออกไม่ได้ ก่อนหน้านั้นมันจะป่วยให้เห็นอาการเดินโซซัดโซเซ และจะเกิดอาการเกร็งบิดไปบิดมาเฉพาะเวลาผมกลับบ้าน เสมือนแสดงอาการบางอย่างเป็นอุบายธรรมให้เราพิจารณาสังขาร ผมนำมันไปฝังราวๆหกโมงเย็น นั่งพิจารณาถึงความตายความไม่เที่ยงแล้วแผ่เมตตาให้เขา

ผมพิจารณาอยู่เสมอว่า การลงมาเกิดของลูกสุนัขทั้งสี่ตัวนี้ เขาเสียสละลงมาเกิดเพื่อแสดงอุบายธรรมให้กับผม พวกเขาได้ทำหน้าที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ตั้งแต่การเกิด เจ็บ ตาย อาจจะยังไม่แก่ แต่มีอายุเพิ่มขึ้นแบบลัดขั้นตอนการแก่เพราะเวลาในการแสดงธรรมมีน้อย แต่ก็ครบถ้วนกระบวนการของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป และกฎแห่งกรรมที่ทำให้พวกเขามาเกิดเป็นลูกสุนัข นอกจากนั้น การพิจารณาถึงไตรลักษณ์นี้ มิได้มีแต่ลูกสุนัขนี้เท่านั้น พวกเรานักปฏิบัติมักจะมองภาพคนป่วย คนแก่ที่แตกต่างจากบุคคลทั่วไป ขอให้สังเกตอาการของตัวเองนะครับ

อุบายธรรมที่บังเกิดขึ้นแก่ผมในลักษณะนี้ อาจเนื่องด้วยผมไม่มีทัศนญาณจากนิมิตขณะสมาธิ แต่ทัศนญาณของผมจะไปเกิดในความฝันแทน และหลายๆครั้งก็จะแสดงแบบตัวเป็นๆดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

ขออนุโมทนาในความก้าวหน้าของสภาวะจิต และกระแสแห่งอริยมรรคของท่านสมบัติได้บังเกิดขึ้นแล้ว ขอให้พวกเราทุกคนจงอนุโมทนาถ้วนทั่วกันเทอญ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์


Nontayan: http://board.palungjit.org/f131/หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร-ฝัน-231506-221.html#post5064263

ในเรื่องฌานนิมิตรนี้พิจารณาตีเป็นธรรมดังนี้

1. หลวงพ่อคูณท่านเป็นพระอริยะเจ้า ที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านก็กราบไหว้ เคยเกี่ยวข้องกับตัวผมในอดีตชาติจริง และท่านก็มาสอนธรรมในปัจจุบันชาติ ให้เราตีเป็นธรรมในตอนนี้เท่านั้น

2. คำว่า "คูณ" เปรียบภาษาอิสานเรียกว่า ค่ำคูณ พอกพูน เจริญ ผู้ได้นิมิตนี้ก็จักค่ำคูณเป็นเช่นนั้นคือกัน(เหมือนกัน)

3. หลวงพ่อคูณในวัยหนุ่ม กำลังฉันภัตตาหาร : แสดงว่าเราจะเป็นผู้มีความเจริญงอกงามไปข้างหน้า

4. หลวงพ่อคูณอยู่ท่ามกลางญาติโยมมากมาย : แสดงว่าต่อไปเราจะเป็นผู้มีชื่อเสียง แวดล้อมไปด้วยผู้คน สามารถสอนคนได้อย่างมากมาย

5. หลวงพ่อคูณเจ็บ แก่เฒ่า เข้าโรงพยาบาล และก็จากไป ท่านได้สอนธรรมผมว่า "สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ไม่มีใครหลีกหนีความเสื่อมสิ้นนี้ไปได้ สังขารทั้งหลายมีความตายไปเป็นธรรมดา ไม่มีใครหลีกหนีความตายไปได้" : ให้เราตระหนักในภาพนิมิตที่ท่านมาสอนธรรมอย่างเป็นขั้นเป็นตอนดังกล่าวว่า...ติดสุขมากไปดั่งเทวดา ก็จักไม่มีปัญญาพิจารณาธรรม หากทุกข์มากไปดั่งสัตว์นรก ก็จักไม่มีปัญญาพิจารณาธรรม เช่นกัน อย่างการตกอยู่ในภวังค์ของ "ฌาน" มากไปนั่นก็เรียกว่า สุข อย่าไปหลงไปติดอยู่ในฌาน

หากผมละจากโลกนี้ไปในตอนนี้ก็จักขึ้นไปเกิดเป็นพรหมทันที แต่ไม่ใช่เรื่องดี เพราะมันจักทำให้เราเสียเวลาในการบำเพ็ญเพียรเข้าสู่อริยะมรรค(พระนิพพาน)มากขึ้นไปอีกตราบนานเท่านาน

กราบขอบพระคุณ...เป็นอย่างสูง
ขอให้เพื่อนนักรบธรรมทุกๆท่านจงมีความเจริญในธรรม ได้ผลในธรรมดุจเดียวกันเร็ววันนะครับ

IT Man: http://board.palungjit.org/f131/หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร-ฝัน-231506-222.html#post5065595


เรื่องที่เกี่ยวข้องนิมิตของข้าพเจ้า:
01: หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)
10: ฌานนิมิตถึงพระอริยะเจ้า
15: แสงธรรมพระธุดงค์ นิมิตแห่งแสง
16: แสงธรรมพระธุดงค์ ตามหานิมิต 
17: แสงธรรมพระธุดงค์ พบแสงนิมิต

58: นิมิตฝันว่า ได้ดื่มน้ำทิพย์
144: นิมิตฝัน เกี่ยวกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช
155: มงคลนิมิต 2 ประการ
160: นิมิตฝันว่า ได้ฟังธรรมจาก...
165: นิมิตฝัน ถึงองค์พ่อแม่ครูอาจารย์มาสอนธรรม
193: นิมิตฝัน เกี่ยวกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์
275: นิมิตฝันว่า ได้ถวายอุปัฏฐากหลวงปู่ชา สุภทฺโท
นิมิตฝันว่า ได้พบพญานาคสีน้ำเงินจำศีลอยู่ในถ้ำ
นิมิตฝันว่า ได้พบงูสีขาวเผือก
นิมิตฝันว่า ได้เดินธุดงค์ติดตามองค์ครูบาอาจารย์ไปทางเหนือ
นิมิตฝันว่า ได้ถวายภัตตาหารร่วมกับญาติธรรมจำนวนมาก
นิมิตฝันว่า ได้ครอบครองเจ้าแห่งเหล็กไหล
นิมิตฝันว่า ทำบุญกับพระภิกษุสายหลวงพ่อวัดท่าซุง
นิมิตฝันว่า ได้ติดตามองค์ครูบาอาจารย์บิณฑบาตทางภาคอิสาน
นิมิตฝันว่า ได้เข้ากราบหลวงปู่หา (หลวงปู่ไดโนเสาร์)
นิมิตฝัน วันออกพรรษา
นิมิตฝันว่า ได้ร่วมขุดหาพระพิมพ์กับองค์ครูบาอาจารย์,หลวงปู่...
นิมิตฝันว่า ได้ติดตามองค์ครูบาอาจารย์ธุดงค์จากบาดาลสู่แดนลับแล (บังบด)