วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

24: ขอพระบารมีเบื้องบนช่วยบรรเทาอุทกภัย

อย่าพึ่งเชื่อ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
IT Man/09.08.56

LINK : 4944

ทรงกลด: ขออภัยถ้าล่วงเกินครับ ขอเชิญท่านทั้งหลายร่วมกำหนดจิต สวดมนต์ภาวนา เพื่อบรรเทาภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในหลายๆที่ในขณะนี้ครับ ขอบคุณครับ

ดร.นนต์: ขออนุโมทนากับท่านทรงกลดครับ
ทุกคนสามารถทำได้ตลอดเวลา ใช้มโนมยิทธิ (จะจริงไม่จริงก็ช่าง) โดยขออาราธนาพระบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันต์เจ้า และครูอาจารย์สืบต่อกันมา ทุกๆพระองค์ แล้วให้นึกถึงแสงแห่งฉัพพรรรณรังสีแผ่ไปทุกแห่งที่มีพระธาตุเจดีย์ในประเทศไทย แล้วขยายเป็นวงกว้างจนสุดประมาณ พระบรมสารีริกธาตุแต่ละแห่งท่านจะแผ่เป็นรัศมีเป็นวงรอบออกไป แล้วโน้มจิตขอยกพื้นดินแห่งพระพุทธศาสนาทุกแห่งให้สูงขึ้น ให้ปลอดภัยจากน้ำท่วม แผ่นดินไหว และจากบุคคลใจบาป ขอให้เป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ และภพภูมิทั้งสาม ในขณะที่ท่านแผ่ออกไปนั้น ให้สังเกตที่ตัวท่านว่า มักจะปรากฏมีพลังคลื่นบางอย่างตอบกลับมาเร็วมาก การกระทำเช่นนี้ นับว่าเป็นกุศลใหญ่มาก หากทำพร้อมกันหลายๆคน หลายๆจุด ก็จะเสมือนการพระพือปีกพร้อมกัน เหมือนการยกแหที่แผ่ออกมา หากช่วยกันหลายๆคน จับเป็นวงรอบ และจับตรงกลาง แหนั้นก็จะถูกยกขึ้นเท่าๆกัน ไม่ยุบ ไม่หย่อน การกระทำดีร่วมกัน มันก็เป็นดั่งนี้แล

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์

ขอเชิญแวะเข้าไปชมบล็อก Good Amulets for Good Man ผมกำลังนำภาพพระสวยๆมาโชว์ เป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษครับ http://doctoramulet.blogspot.com/

ขอพระบารมีเบื้องบนช่วยบรรเทาอุทกภัย

สวัสดีตอนเช้าวันพุธที่ 21 กันยายน 2554 ครับ
เมื่อวาน...1 ทุ่มเศษ ท่าน ดร.ณัฐชัย โทรมาสอบถามเรื่องสถานที่ที่อัญเชิญพระบรมฯไปถวายนั้น เจอภัยพิบัติน้ำท่วมหรือไม่? ผมจึงตอบไปว่า...ส่วนใหญ่ไม่เจอ เพราะอยู่บนเขา ส่วนที่ลุ่มก็ไม่น่าจะมี แต่ผมรับปากว่าจะสืบให้ครับ

ต่อมาคุยกันเรื่องพรที่ได้รับมาจากเบื้องบนมานั้น สามารถช่วยสงเคราะห์ผู้กำลังประสบภัยและภัยต่างๆได้ไม่เกินกรรม (ผมเองก็นึกว่าจะใช้อธิษฐานเพิ่มพลังพระได้อย่างเดียวเท่านั้น หุหุ) ท่าน ดร. ได้บอกต่อว่าท่านได้ช่วยไปแล้วและเห็นผล แล้วท่านก็ย้อนถามผมว่า ผมหน่ะกำลังทำอะไรอยู่...ทำผมสะอึกนิดนึง...เลยพูดตามตรงว่า กำลังทำวัตรเย็นอยู่ หุหุ ท่าน ดร.ก็เลยเลยบอกว่าโทรมาขัดจังหวะ ผมเลยบอกไปว่า...ไม่ป็นไรครับ เพราะรู้ว่าเป็นสายสำคัญ

ผมก็ทำวัตรต่อ เสร็จแล้วก็ครุ่นคิดว่าเราจะช่วยเหลือได้อย่างไรกันหนอ (ยังสงสัยในพร ฤทธิ์ต่างๆที่สอง ดร.ว่าผมมีอยู่จริง)

เช้านี้ หลังทำวัตรเช้าเสร็จประมาณตี 5:20 ได้พักผ่อนอริยาบทนิดนึง ก็เริ่มจะปฏิบัติสมาธิต่อ...โดยการนำพระพุทธปฐวีธาตุองค์พระเมตตาเกสาธรรม มาประทับฝ่ามือ แล้วสวด "มุนินทะ วะทะนัมภุชะ..."

จากนั้นอธิษฐานว่า "ข้าพระพุทธเจ้าขอนั่งสมาธิเพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ถึงซึ่งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ในแดนพระนิพพาน ตลอดทั้งคุณบิดา-มารดา ผู้มีพระคุณ เทพ อินทร์ พรหม นาค ครุฑ ทั้งหลายสืบต่อกันมาทุกๆกัปพุทธันดร ขอท่านทั้งหลายจงได้มาประสาทพรให้การกระทำนี้ให้รู้แจ้ง มีปัญญาญานให้ถึงฝั่งพระนิพพานด้วยเถิด บุญกุศลนี้หากพึงมี ข้าพระพุทธเจ้าขออุทิศให้สรรพสัตว์ทั่วทุกแดนโลกธาตุ ตั้งแต่สัตว์นรก เปรต เดรัจฉาน มนุษย์ สุดรอบขอบจักรวาล สวรรค์ถึงชั้นพรหม ขอให้จงมีส่วนในบุญกุศลนี้ด้วยเทอญ" (อธิษฐานทุกครั้งที่อยากได้สมาธิแนบแน่น)

พอได้สมาธิดีแล้วผมก็เริ่มอธิษฐานขอพระเมตตาสงเคราะห์พระพุทธานุภาพ แผ่ปรกช่วยเหลือประเทศไทย ที่กำลังเกิดอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ แต่ไม่ให้เกินกรรมของประเทศ สถานที่ และผู้กำลังประสบภัย...โดยการอัญเชิญพระอานุภาพแห่งเจดีย์วัดระฆัง เชื่อมโยงไปยังวัดพระแก้ว พระนอนวัดโพธิ์ เชื่อมไปยังพระธาตุพนม พ่อแม่ครูอาจารย์ที่ภูดานไห ย้อนมาหาบ้าน ดร.นนต์ที่กำลังเข้าสมาธิอยู่ และคลุมทั่วกทม. (มี ดร.ณัฐชัย) ย้อนมาหาตัวผมเองที่บ้าน แล้วกำลังจะมุ่งสู่พระธาตุที่เชียงใหม่...ทว่าดวงจิตของผมกลับพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า (แต่กายหยาบอยู่ที่นี่) โดยอัตโนมัติ ประมาณว่า...เสียเวลาอารัมภบทนานไป

ณ ตอนนี้มีความรู้สึกว่าตัวเองผ่านฌานสองไปเร็วมากๆ (อาการปีติน้ำตาซึมๆ) แล้วเข้าสู่ฌานสาม อารมณ์นิ่งเป็นหนึ่ง (ประมาณว่าชุ่มๆอยู่กะฌานสองด้วย) ที่นี้...คลื่นมาก่อน แต่เป็นลักษณะผ่านสายตาจากซ้ายไปทางขวา เหมือนน้ำไหลไปเรื่อยๆ ตามมาด้วยแสงทองเหลืองๆเรืองรองแตกต่างจากที่เคยเห็น เพราะมีความรู้สึกว่าอบอุ่น นุ่มนวล ไม่จ้า หรือทำร้ายใคร แล้วขยายเป็นหลากหลายสี คลุมไปทั่วอาณาเขตประเทศไทย เลยไปประเทศเขมร พม่า ลาว ไม่จำกัดเฉพาะไทย (นี่แหละหนอพลังแห่งพระพุทธานุภาพ)

ที่นี้ผมจึงได้แผ่เมตตาอธิษฐานจิตกำกับต่อว่า "ภัยพิบัติที่กำลังเกิดอยู่นี้ขอให้ทุเลาเบาบางไปโดยเร็ว และได้ส่งคลื่นพลังงานพระพุทธานุภาพนี้ไปยังทุกๆสรรพสัตว์ ที่กำลังตื่นอยู่ก็ดี หลับอยู่ก็ดี จะรับได้หรือรับไม่ได้ก็ดี ตลอดทั้งคนที่คิดไม่ดีกับประเทศก็ดี ให้เขาใจอ่อนเป็นกุศลหันมารักประเทศไทย ไม่ทำร้ายประเทศไทย"

จากนั้นจึงย้อนพลังพระพุทธานุภาพกลับมาหาดวงจิตของตัวเองที่ตอนนี้โปร่งแสงเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพลังที่กล่าวมา ส่งต่อมายังกายหยาบให้หายจากโรคภัยต่างๆ แล้วแผ่เมตตากำกับอีกรอบ เป็นเสร็จพิธี จึงได้ค่อยๆถอนสมาธิออก

ยังไม่จบครับ ผมจึงน้อมดวงจิตค้นหาว่าท่านผู้ใดมาช่วยทำในเช้านี้ (ฌานสมาธิยังออกไม่หมด) ปรากฏว่า...พบพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์เหมือน copy กันมาครับ (ผมไม่เคยรู้เคยเห็นหรอกนะครับ แต่จิตเขาบอกว่าใช่) ท่านทรงดำเนินต่อแถวเป็นลำดับยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตาจากด้านขวามาซ้าย (คิดว่าเป็นล้านๆพระองค์ได้) ผมจึงยกมือวันทาขึ้นเหนือศรีษะค้างไว้ราวๆ 1 นาที จึงได้ก้มลงกราบพร้อมๆกับน้ำตามันไหลนองหน้าเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนว่าแต่ละพระองค์ที่เดินผ่านจะทรงเอามือมาแตะที่หัวผมครับ

พอออกสมาธิจนสุดแล้วดูเวลาตี 5:59 นาทีพอดิบพอดีครับ...เอวัง!

ปล:
- ทุกๆ 5 นาทีจะมีอาการเหมือนพระพุทธปฐวีธาตุองค์พระเมตตาฯ ท่านขยายตัวเข้าออกเอง เป็นอัศจรรย์แท้...
- เช้านี้...พิจาณากาย สังขารได้แจ่มแจ้งดี
คือเข้าสู่ mode การพิจารณากาย สังขาร ของเสียที่ขับออกจากร่างกายอันไม่จีรังนี้
ตั้งแต่เข้าห้องน้ำถึงระหว่างทำวัตร (น้ำตา/ขี้ตาไหลซึมออก)

เช้านี้จึงมีคุณค่าและพลังงานในกายมากๆเลยครับ


chantasakuldecha:โมทนา สาธุ สาธุ ขอให้ประเทศชาติ ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง ด้วยเทอญ

ดร.นนต์: ขออนุโมทนา ลูกพระพุทธเจ้าก็เป็นดั่งนี้แล
ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ย่อมโน้มจิตขึ้นไปขอพระบารมีจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ได้ ขอในสิ่งที่เป็นกุศล ท่านย่อมสงเคราะห์อย่างไม่ต้องสงสัย แม้เราจะไม่เห็นภาพไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยญาณต่างๆก็ตาม (จริงไม่จริงก็ช่าง) ขอให้เราได้กระทำด้วยจิตอันบริสุทธิ์ก็พอ ทำไป ปฏิบัติไป เมื่อถึงเวลาก็จะรู้เอง สิ่งเหนือโลกเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ปฏิบัติ และผู้ที่อยู่เหนือโลกย่อมสงเคราะห์ผู้ที่ยังอยู่ในโลกสมมุติ พระพุทธองค์ย่อมสงเคราะห์ลูกๆของพระองค์ ผู้พ้นแล้วย่อมกลับมาช่วยผู้ที่ตามหลัง นี่คือวิสัยของเหล่าพุทธวงศ์ จาก...ศรีอาริยะ.....Sriariya:ดร.นนต์

สมาชิกธรรม: โมทนาสาธุครับ.....ท่านสมบัติได้ทำในสิ่งที่ประเสริฐที่สุดแล้ว

สาวกธรรม1: ดีใจกับพี่ชายด้วยครับ ก้าวหน้าทุกวันเลย ผมยังย่ำอยู่กับที่อยู่เลย คงต้องใช้เวลานานอยู่

IT Man: ครับผม ผมเองก็ไม่รู้จะให้เครดิตอะไรดี เพราะต่างสอดคล้องกันหมดในช่วงเวลาเดียวกันนี้ นอกจากพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เป็นเสาหลักของพวกเราแล้วนั้น...
สิ่งที่มองไม่เห็น...พระพรที่ได้รับเพื่อเป้าหมายใหญ่ สมาธิความตั้งใจมั่น
สิ่งที่มองเห็น...สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ พระพุทธปฐวีธาตุ พระกริ่งองค์ต้นญาน

และที่ขาดไม่ได้คือสายใยผูกพัน การเกื้อหนุนกันภายในกลุ่มนักรบธรรมด้วยกันเอง สิ่งนี้สำคัญยิ่งในการก้าวเดินไปสู่สนามรบธรรมและร่วมรบด้วยกัน ไม่ทอดทิ้งกัน มันเป็นเสียยิ่งกว่ากำลังใจใดๆครับ อาบังนาคน้อย...