วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

144: นิมิตเกี่ยวกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช

ข้าพเจ้าเคยได้นิมิตที่เกี่ยวข้องกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์อยู่อย่างน้อย3 ครั้งด้วยกัน ที่จำได้ดีมี 3 คราวดังนี้
นิมิตครั้งแรก : ติดตามองค์พ่อแม่ครูอาจารย์เข้าป่าหาโมกขธรรม (ประมาณปลายปี 54)
01: โยมผู้หญิงนิมนต์ให้เข้าไปขึ้นบ้านใหม่ในป่า:

ในฝันนั้นองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ คุณแม่ชม และข้าพเจ้ากำลังเดินธุดงค์ในป่าที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง ก็มีโยมผู้หญิงเข้ามากราบอาราธนานิมนต์องคืพ่อแม่ครูอาจารย์ไปขึ้นบ้านใหม่ พวกเราก็เดินตามไป ข้าพเจ้าสังเกตุเห็นผู้ญิงคนนี้มีรูปร่างงาม ผิวขาวซีด ข้าพเจ้ายาว หน้าตาสะสวยแต่เหมือนไม่มีชีวิต

02: บ้านใหม่แต่เก่า(ก่อน)ในป่ากว้าง:

พอไปถึงหมู่บ้าน ข้าพเจ้าก็สังเกตุเห็นบ้านนี้เรียงกันเป็นแถว มุงด้วยหญ้าคา ฝาเป็นไม้ไผ่สาน ขนาดห้องประมาณ 2x2 เมตร มีระเบียงลดระดับลงมาขนาด 1x2 เมตร ไม่ได้ใหม่อย่างที่คิด แต่เก่ามากและก็เหมือนกันทุกๆหลัง

03: ถวายภัตตาหาร และรับประทานอาหารร่วมกันกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์และคุณแม่ชม:

จากนั้น เธอก็เชื้อเชิญให้รับประทานอาหารที่เตรียมไว้ที่ระเบียงหน้าบ้านมีอาหาร 3-4 อย่าง จำพวกของป่า ผัก น้ำพริก และมีกล่องข้าวขนาดใหญ่กับขนาดเล็ก 2 กล่อง ข้าพเจ้าจึงได้ถวายกล่องข้าวขนาดใหญ่แด่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พอเปิดฝากล่องข้าว (ข้าพเจ้าเปิดก่อนถวาย) กลับมีข้าวเหนียวนึ่งเพียงนิดเดียว อีกกล่องขนาดเล็กนั้นมีข้าวเหนียวเต็มกล่อง

04: เปิดกล่องข้าวเหนียวจากพล่องเป็นเต็มและมีถ้วยลาบหนึ่งถ้วยพูน:

เธอก็ได้เชื้อเชิญให้กินข้าวร่วมกัน (เธอนั่งอยู่ห่างๆ) ข้าพเจ้าก็เกรงองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ คุณแม่นั้นนั่งร่วมวงแล้ว ข้าพเจ้าจึงกล้านั่งร่วมวง จากนั้นองค์พ่อแม่ครูอาจารย์จึงมอบกล่องข้าวขนาดใหญ่นั้นคืนข้าพเจ้ามา

พอข้าพเจ้าเปิดกล่องข้าวเท่านั้นหล่ะ กล่องข้าวกับเต็มกล่อง แถมยังถ้วยลาบหมูแบบเต็มถ้วยมาอีก 1 ถ้วย ทำให้ข้าพเจ้าตกใจมาก เพราะตอนแรกนั้นมันไม่มีไงครับ ข้าพเจ้าถึงได้ตื่นขึ้นมา

ปล: ทุกอย่างสื่อสารกันทางจิต

ตีความหมายตามนิมิตครั้งแรก
01: ขณะเดินธุดงค์มีโยมผู้หญิงนิมนต์ให้เข้าไปขึ้นบ้านใหม่ในป่า:

- การจักได้ธรรม (ผู้หญิงในที่นี้น่าจะคือพระธรรม) มาครองนั้น ต้องบุกป่าผ่าดงเข้าไปหา
- การที่จักได้ธรรมมาครองนั้น ต้องออกจากความสะดวกสบาย เข้าป่าแสวงหาธรรมอันเป็นของจริง

02: บ้านใหม่แต่เก่า(ก่อน)ในป่ากว้าง :

- สถานที่ที่เกื้อหนุนในการปฏิบัติ ต้องสัปปายะ*

03: ถวายภัตตาหาร และรับประทานอาหารร่วมกันกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์และคุณแม่ชม :

- การปฏิบัติธรรม ของข้าพจักมีองค์ท่านช่วยเหลือ ชี้ทางธรรม คอยเกื้อหนุนกันตลอด

04: เปิดกล่องข้าวเหนียวจากพล่องเป็นพูนและมีถ้วยลาบหมูหนึ่งถ้วยพูน:

- ในกาลข้างหน้าเราจักได้ธรรมมาครอง อีกทั้งมีลาภผลตามมาไม่อดอยาก

* มีผู้รู้อธิบายไว้น่าสนใจว่าการบริหารจัดการวัดของเจ้าอาวาสควรให้เกิดความสุข (สัปปายะ) 4 อย่าง คือ 
อาวาสสัปปายะ ที่อยู่เป็นที่สบาย คือทำวัดให้เป็นอาราม เป็นรมณียสถาน รื่นรมย์เจริญตาเจริญใจแก่ผู้พบเห็น เป็นศูนย์กลางของชุมชนด้านจิตใจ ที่ตั้งวัดไม่ใกล้ไม่ไกลจากชุมชนเกินไป มีการแบ่งเขตพุทธาวาส สังฆาวาสชัดเจนเป็นสัดส่วน ยิ่งในภาวะโลกร้อนด้วยแล้ว หากวัดได้มีการปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา ร่มรื่นดูเป็นธรรมชาติ นับว่าเหมาะกับภาวะโลกอันแสนที่จะร้อนเหลือหลาย ส่วนบางวัดตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสมเป็นทุนเดิม เช่น ภูเขา ลำธาร สวน ป่า ได้เน้นเรื่องความ
สะอาดหรือความเป็นระเบียบเรียบร้อยสม่ำเสมอเท่ากับว่าได้สร้างความสุขเพิ่มขึ้นแก่ผู้พบเห็น
อาหารสัปปายะ อาหารเป็นที่สบาย เมื่อมีที่อยู่ที่สบายต้องคำนึงถึงการกินอาหาร ในสมัยก่อนเป็นหน้าที่ของพระภัตตุเทศ ปัจจุบันเป็นหน้าที่ของเจ้าอาวาส การจัดสวัสดิการด้านอาหารจึงควรเป็นภาระของฝ่ายสาธารณูปการรวมเรื่องต่าง ๆ เช่น การกำหนดเส้นทางโคจรบิณฑบาต ควรแบ่งเป็นสาย มีการเปลี่ยนเวรกันเพื่อเจริญศรัทธาของผู้ทำบุญและป้องกันการติดในตัวบุคคล มีการจัดฉันรวมกันเป็นที่แห่งเดียว เพื่อประโยชน์คือทำให้เกิดความเป็นธรรมในอดิเรกลาภ ขจัดความขัดแย้งในการแสวงหาอุปัฏฐาก ก่อให้เกิดความสามัคคีธรรม เป็นที่เจริญศรัทธาของผู้ถวายและสามารถแนะนำอบรมได้ง่ายในเวลาก่อนและหลังอาหาร มีเจ้าหน้าที่รับนิมนต์ และทำหน้าที่แจกรายการนิมนต์ให้ทั่วถึงโดยความเป็น
ธรรมหรือจัดตั้งมูลนิธิสงเคราะห์สวัสดิการด้านอาหารในยามขาดแคลน
บุคคลสัปปายะ บุคคลเป็นที่สบาย คำนึงถึงเรื่องบุคคลที่อยู่ภายในวัดหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวัด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของความเจริญและความเสื่อมขิงศาสนา คนวัดแบ่งออกเป็น พระภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา หรือแม่ชี และเด็กวัด วัดใดดีหรือไม่ดีบ้างบอกว่าให้ดูจากบุคคลทั้ง 4 ประเภทดังกล่าว ควรจัดที่อยู่อาศัยของบุคคลแต่ละประเภทให้เหมาะสมตามสถานภาพ การติดต่อกันควรกำหนดเวลาสถานที่ ที่อยู่ของเด็กวัดควรสะอาดและมีระเบียบ มีการวางกฎเกณฑ์ให้ปฏิบัติพร้อมบทกำหนดโทษและควรกำหนดวันให้มีการพัฒนาวัดร่วมกัน
ธรรมสัปปายะ ธรรมเป็นที่สบาย จุดมุ่งหมายหลักของวัดคือสถานที่ประพฤติธรรม สิ่งที่จะก่อให้เกิด ธรรมสัปปายะ คือ บริเวณวัดร่มรื่น เป็นระเบียบ มีโครงการต้นไม้พูดได้ มีสุภาษิตสอนใจ ปริศนาธรรม คติธรรม โครงการเสียงธรรมะตามสาย รับฟังกันทั่วบริเวณวัดทั้งในวันจัดงานบุญ และกระจายเสียงไปถึงชุมชนหมู่บ้าน จัดสถานที่ฟังเทศน์ฟังธรรมในสถานที่สงบร่มเย็น อากาศถ่ายเทสะดวก จัดทำห้องสมุดธรรมะ โดยจัดหาหนังสือธรรมะ หนังสืออื่น ๆ ที่มีสาระประโยชน์เพื่อให้ผู้มาวัดได้อ่าน และมีที่นั่งอ่านหนังสือเป็นสัดส่วนเพียงพอ รักษาศิลปะหรือพุทธศิลป์ภายในวัด พิพิธภัณฑ์ของวัดจัดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นต้น
การบำรุงรักษาส่งเสริมวัดให้เป็นบ่อเกิดแห่งความสุข ส่วนหนึ่งจึงมาจากสัปปายะ 4 อย่างข้างต้น ที่อำนวยประโยชน์สุขแก่ประชาชนหรือสังคม สำคัญคือวัดยังมีอีกหลายเรื่องหลายด้านที่เป็นเรื่องดี พูดได้ไม่รู้จบอเนกอนันต์จริง ๆ
.................................................................................................
นิมิตครั้งที่สอง : ได้นิมิตความเกี่ยวข้องเป็นศิษย์-อาจารย์กันในอดีตชาติ
(จัก update ในลำดับต่อไป)
01: คณะศิษย์น้อมถวายและรับมอบพระพิมพ์โบราณขนาดเขื่องแด่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์:
02: น้อมถวายพระนาคปรกโบราณองค์เขื่อง : (อ้างอิง)
องค์พระพุทธ: จะทรงโบราณ สีดำ พระพักตรไม่งามเท่าใดนัก
ส่วนพญานาค: ขนดหาง 1-2 ชั้น มีเศียรเดียว...ปลายลิ้นก็พ่นไออุ่น(ไฟ)ออกมาเพื่อถวายแด่..
องค์พระชินวรณ์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะทรงเสวยพระวิมุตติสุขครับ

03: รับมอบแผ่นแป้งศักดิ์สิทธิ์จากอาจารย์อีกภพชาติ:
04: ปริศนาธรรมจากกระโหลกศรีษะ:
ตีความหมายตามนิมิตครั้งที่สอง
01: คณะศิษย์น้อมถวายและรับมอบพระพิมพ์โบราณขนาดเขื่องแด่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ : ทุกวันนี้ ก็เป็นเช่นนี้
02: น้อมถวายพระนาคปรกโบราณองค์เขื่อง :
03: รับมอบแผ่นแป้งศักดิ์สิทธิ์จากอาจารย์อีกภพชาติ :
04: ปริศนาธรรมจากกระโหลกศรีษะ : มรณานุสสติ


(จากนั้นวันต่อมา (30 ม.ค.55) ข้าพเจ้าได้รับหลวงพ่อทองคำเชียงแสนน้อย อ่านต่อ:118: หลวงพ่อทองคำเชียงแสน)

.................................................................................................

ก่อนหน้าที่จักได้นิมิตครั้งนี้ประมาณไม่กี่วัน
ข้าพเจ้าได้นิมิตที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ คือ ณ วัดบนเนินเขาแห่งหนึ่ง ขณะนั้นข้าพเจ้ากับศิษย์(เป็นพระภิกษุ)ของพ่อทูล กำลังยืนต้อนรับญาติธรรมที่นั่งรถทัวร์ขึ้นมาปฏิบัติธรรมหลายคันรถ ตอนนั้นเองพระภิกษุรูปนั้นก็ยื่นมือถือให้ข้าพเจ้าเรียนสายกับหลวงพ่อทูล จำเนื้อความสนทนาไม่ได้ แด่เหมือนกับว่าเรารับธรรมหรือคำสั่งจากท่าน เพราะข้าพเจ้าจะพูด "ข่ะน่อยๆ" ตลอดเลย (จบเท่านี้)
นิมิตครั้งที่สาม (ล่าสุด) : เช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ 16 มิ.ย.55 ประมาณตี 4:30
ข้าพเจ้าได้นิมิตดังนี้

01: หลบหนีจากผู้กำลังตามล่าตัว

สถานที่ในนิมิต: บริเวณทุ่งนา ใกล้สวนบ้านข้าพเจ้า ซึ่งมีป่าเล็กๆปกคลุม
ตอนนั้นข้าพเจ้ากำลังหลบหนีผู้ร้ายมีผ้าโพกหัวสามคน ซึ่งผู้ร้ายนั้นตามไปอีกคนละทิศในทางร่องน้ำเก่าแต่ไม่มีน้ำ (ปัจจุบันตรงนั้นเป็นถนนไปหาต้นตะเคียนทอง) ในใจตอนนั้นก็ไม่ทราบว่าเขาจะตามจับข้าพเจ้าไปทำอะไร แต่ข้าพเจ้าได้หลบอยู่ในพุ่มไม้มีคันนาขนาดสูงล้อมรอบ ทว่าอีกฟากหนึ่งด้านหลังข้าพเจ้า เห็นองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ยืนอยู่บนคันนา แล้วคอยมองดูข้าพเจ้าเหมือนกันให้ผู้ร้ายไม่ให้จับตัวข้าพเจ้าได้
ในที่สุดข้าพเจ้าหลบหนีมาได้ แล้วก็ขึ้นไปบนลานธรรม (เป็นสวนที่อยู่ใกล้กัน,มีป่าเล็กน้อย) ซึ่งองค์พ่อแม่ครูอาจารย์กับเพื่อนธรรมสวมชุดขาว ผิวขาว หน้าตางดงาม คุ้นหน้าแต่ไม่รู้จัก ประมาณ 3-4 คน ส่วนคุณแม่ชมไม่ได้สวมชุดขาว คอยช่วยองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ และคอยดูข้าพเจ้าอยู่ข้างหลัง (ไม่เห็นหน้าแต่รู้สึกได้) ณ ตอนนี้ข้าพเจ้ากับคนอื่นๆอยู่เบื้องหน้าองค์ท่าน

02:  ธงชัยเอกพิชีบุคคล

จากนั้นองค์ท่านได้ประกาศว่า "ตอนนี้ธรรมะต่างๆ อาตมาก็ถ่ายทอดให้ญาติโยมหมดสิ้น ถือว่าจบหลักสูตรแล้ว อาตมาจะมอบธงให้แต่ละคน" ซึ่งในขณะนั้นข้าพเจ้าเห็นธงสีเขียวเลื่อมทอง ขอบสีทอง ตัวหนังสือสีทอง ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า สองด้านทำเหมือนโบว์หรือกลีบบัว เรียงกันอยู่สี่ผืน ในความรู้สึกทราบว่าผืนที่อยู่บนสุดนั้นเป็นของข้าพเจ้า เขียนด้วยอักขระที่แปลความหมายได้ว่า "เอกพีชี" (เกิดอีกหนึ่งชาติ) ส่วนธงของท่านอื่นๆนั้น ก็ได้ความหมายประมาณว่าโกลังโกละ (เกิดอีกสามชาติ) หรือเกิดอีกเจ็ดชาติ เป็นต้น

03: รับประทานขนุนเคลือบพระธาตุ

จากนั้นองค์ท่านก็ได้พูดต่อไปว่า "ก่อนจะมอบธงให้ อาตมามีสิ่งหนึ่งมอบให้ด้วย"
เนื่องจากข้าพเจ้าอยู่ด้านหน้าองค์ท่านเป็นคนแรก แล้วรับมาก่อน พอรับมาก็เอาเข้าไปในปาก มีรสหอมหวาน องค์ท่านก็ดุว่า "เอ้า...ทำไมรีบกินหล่ะ ไม่รู้หรือว่ามีพระธาตุ แล้วไม่ขมหรือ?"
ข้าพเจ้าก็ตอบไปว่า "บ่ขมขะน่อย หวานดี" จากนั้นก็คายออกมา จึงทราบว่าสิ่งที่ข้าพเจ้ารับประทานเข้าไปนั้น เป็นเนื้อ(นวล)ขนุนชิ้นเล็กๆ ห่อองค์พระธาตุสีเขียวออกไปทางดำ มีขนาดเล็กมาก

จากนั้นข้าพเจ้าก็ทบทวนในความฝันว่า เอ แต่ก่อนเราก็เคยฝันว่าได้รับประทานมวลสารพระธาตุในพระสมเด็จ ซึ่งมีขนาดเล็ก ประมาณ 3x3 มม. แต่รสชาดนั้น ขมติดลิ้นมาก (อ่านต่อ: ฝันว่าได้ดื่มน้ำทิพย์) นี้ก็เป็นเม็ดพระธาตุเช่นกัน แต่เนื่องจากห่อด้วยกลีบเนื้อขนุน จึงมีรสชาดหวาน ว่าแล้วก็ตำหนิตัวเอง ว่าไม่รอองค์พ่อแม่ครูอาจารย์บอก แต่เรากลับจะรับประทานเข้าไปก่อน โดยไม่พิจารณาให้ดีว่า สิ่งที่เอาเข้าไปในปากนั้น เป็นอะไร
จากนั้นข้าพเจ้าก็ตื่นพอดี น่าจะราวๆเกือบตี 5 ได้ครับ

ตีความหมายเป็นธรรมตามนิมิตครั้งที่สาม
01: หลบหนีจากผู้กำลังตามล่าตัว

- หลบหลีกจากผู้กำลังตามล่าตัวเรา : เรากำลังหลบหนีจากหัวหน้ากิเลสทั้งสามอยู่ (โลภ โกรธ หลง) / ที่จริงท่านสอนให้สู้กับกิเลส
- หลบอยู่ในทุ่งนาผืนสี่เหลี่ยมและมองเห็นผู้ร้ายกำลังเดินไปอีกทิศ : เราอยู่ในกรอบของอริยสัจจธรรมทั้งสี่ แล้วจักสามารถหลบหนีกิเลสไปได้
- โดยมีองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ยืนอยู่บนที่สูง คอยชี้แนะเฝ้าดูเราประดุจพ่อดูแลลูก อีกทั้งป้องกันมิให้เป็นเหยื่อของกิเลสทั้งหลาย

02: ธงชัยเอกพิชีบุคคล

- คงได้มีโอกาสบรรลุธรรมขั้นต้น (ณ ตอนนี้กำลังพยายามก้าวย่างไปตามทางแห่งอริยมรรคมีองค์ 8) บารมีมากพอที่จะเกิดอีกเพียงหนึ่งชาติ (เอกพิชี) รอคอย...ตามสัจจอธิษฐาน
- คณะเพื่อนธรรมอีก 3-4 คนประกอบด้วยหญิงชายนั้นคุ้นหน้า แต่ไม่รู้จัก ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้ท่านทั้งหลายนี้อยู่ ณ ที่ใด อาจจะเกิดเป็นเทวดาที่คอยให้กำลังใจเราเอง หรือผู้กำลังจะเข้ามาหาองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ก็อาจเป็นได้
- คุณแม่ชมไม่ได้ใส่ชุดสีขาว แต่ใส่ชุดสีกลักออกดำ ท่านคอยชี้แนะแนวทางและกำกับอยู่โดยตลอด และท่านอาจจะถือบวชใจเป็นพระอยู่ก็เป็นได้

03: รับประทานขนุนเคลือบพระธาตุ

- ขนุน : กุศลผลบุญทั้งหลายที่เราได้เพียรสร้างมา จักคอยหนุนนำให้ตัวเราเข้าถึงธรรมธาตุได้
ถือเป็นกำลังใจให้ก้าวไปในมรรคาปฏิปทาต่อไปครับ
อ่านต่อ :
.................................................................................................
พระบรมศาสดาได้ทรงแสดงบุคคล ๙ จำพวกให้พระสารีบุตรฟังโดยละเอียดมีดังต่อไปนี้
๑. อันตราปรินิพพายี พระอนาคามีผู้บังเกิดในชั้นสุทธาวาส แล้วบรรลุอรหัตผลในช่วงวัยต้นๆ
๒. อุปหัจจปรินิพพายี พระอนาคามีผู้บังเกิดในชั้นสุทธาวาส แล้วบรรลุอรหัตผลในช่วงที่เลยวัยกลางคนไปแล้ว
๓. อสังขารปรินิพพายี พระอนาคามี (ในชั้นสุทธาวาส) ผู้บรรลุอรหัตตผลได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก
๔. สสังขารปรินิพพายี พระอนาคามี (ในชั้นสุทธาวาส) ผู้บรรลุอรหัตตผลโดยใช้ความพยายามมาก
๕. อุทธังโสตอกนิฏฐคามี พระอนาคามีผู้บังเกิดในชั้นสุทธาวาส ไม่เกิดในชั้นที่ ๔ แล้วจุติจากชั้นดังกล่าวตามลำดับไปบังเกิดในชั้นอกนิฏฐภพ จึงได้บรรลุพระอรหันต์ ณ ที่ภพนั้น
๖. สกทาคามี พระสกทาคามี ผู้จะกลับมาเกิดในโลกมนุษย์อีกเพียง ๑ ครั้ง

๗. เอกพีชีโสดาบัน พระโสดาบันผู้เกิดเพียงชาติเดียวแล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์เลย
๘. โกลังโกลโสดาบัน พระโสดาบันผู้เกิดแต่ในตระกูลผู้ดีมีบุญ ภายใน ๒ หรือ ๓ ชาติ แล้วจึงบรรลุเป็นพระอรหันต์

๙. สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน พระโสดาบันผู้เกิดถึง ๗ ชาติจึงบรรลุเป็นพระอรหันต์

ที่มา:
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/005655.htm


เรื่องที่เกี่ยวข้องนิมิตของข้าพเจ้า:
01: หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)
10: ฌานนิมิตถึงพระอริยะเจ้า
15: แสงธรรมพระธุดงค์ นิมิตแห่งแสง
16: แสงธรรมพระธุดงค์ ตามหานิมิต 
17: แสงธรรมพระธุดงค์ พบแสงนิมิต

58: นิมิตฝันว่า ได้ดื่มน้ำทิพย์
144: นิมิตฝัน เกี่ยวกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช
155: มงคลนิมิต 2 ประการ
160: นิมิตฝันว่า ได้ฟังธรรมจาก...
165: นิมิตฝัน ถึงองค์พ่อแม่ครูอาจารย์มาสอนธรรม
193: นิมิตฝัน เกี่ยวกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์
275: นิมิตฝันว่า ได้ถวายอุปัฏฐากหลวงปู่ชา สุภทฺโท
นิมิตฝันว่า ได้พบพญานาคสีน้ำเงินจำศีลอยู่ในถ้ำ
นิมิตฝันว่า ได้พบงูสีขาวเผือก
นิมิตฝันว่า ได้เดินธุดงค์ติดตามองค์ครูบาอาจารย์ไปทางเหนือ
นิมิตฝันว่า ได้ถวายภัตตาหารร่วมกับญาติธรรมจำนวนมาก
นิมิตฝันว่า ได้ครอบครองเจ้าแห่งเหล็กไหล
นิมิตฝันว่า ทำบุญกับพระภิกษุสายหลวงพ่อวัดท่าซุง
นิมิตฝันว่า ได้ติดตามองค์ครูบาอาจารย์บิณฑบาตทางภาคอิสาน
นิมิตฝันว่า ได้เข้ากราบหลวงปู่หา (หลวงปู่ไดโนเสาร์)
นิมิตฝัน วันออกพรรษา
นิมิตฝันว่า ได้ร่วมขุดหาพระพิมพ์กับองค์ครูบาอาจารย์,หลวงปู่...
นิมิตฝันว่า ได้ติดตามองค์ครูบาอาจารย์ธุดงค์จากบาดาลสู่แดนลับแล (บังบด)