วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

07: พุทโธอัปปมาโณ 2

อย่าพึ่งเชื่อ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
IT Man/09.08.56

IT Man: วันเวลาที่ post: 05-09-2011, 10:58 AM

"พุทโธอัปปมาโณ"
พระพุทธานุภาพ ไม่มีประมาณ

คุณสมบัติ บอกผมในความฝันว่า "ผมเหาะไม่ไหว เพราะผมห้อยพระหนักมาก" (คุณภูเบศวร์)

หลายท่านในที่นี้ คงสงสัยว่าพวกเราสามคน (ดร.นนต์ ดร.ณัฐชัย และผม) ไปพบกันที่กรุงเทพฯนั้น เพื่ออะไร และได้อะไรมากัน

ผลของกิจกรรมต่างๆที่กระทำมาร่วมกันมาตลอด 2 วัน เสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เช้ายันดึก,เช้ายันค่ำ พวกเราได้ต่างเรียนรู้ พิสูจน์ ทดลอง การรับรองผล เรื่องพลังพระพุทธานุภาพ จากบุคคลสำคัญระดับสูง 3 ท่านร่วมกัน ต่างเป็นพยานบุคคลให้กันและกัน พร้อมทั้งมีพยานบุคคลนับ 10 ท่าน(2 เหตุการณ์)

ตอนนี้ยังไม่ได้บอกว่าสิ่งต่างๆนั้นคืออะไร เพราะต้องเรียบเรียงช่วยๆกัน เสริมข้อมูลให้สอดคล้องกัน สำหรับผมมีผลออกมาเป็นรูปธรรมแล้วว่า คงได้ ลด ละ เลิก ในการอัญเชิญพระพิมพ์ให้วุ่นวาย ตัดนิยามคำว่า พลังกี่เท่า แรง ไม่แรง อิทธิคุณทรงด้านไหน ฯลฯ จักไม่มีในนิยามของเราสามคนอีกแล้ว เพราะวัตถุมงคลของหลวงปู่เจ้าประคุณฯสมเด็จโตทุกอย่าง ภายใต้เงื่อนไขเพียงข้อเดียว...จักได้แปรสภาพเป็นเท่าเทียมกันและไร้ประมาณเช่นกัน...

ในการอัญเชิญวัตถุมงคลติดตัว คงมีสร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำกับพระพุทธปฐวีธาตุกายสิทธิ์ของพ่อแม่ครูอาจารย์ เพื่อช่วยในการปรับธาตุขันธ์ อธิษฐานจิตและร่วมทำสมาธิ ส่วนพระพิมพ์ที่อยู่ในมือ ระดับพื้นฐานคือ 150x ขึ้นไปจนถึงระดับอนัตตาครับ
ดร.นนต์: วันเวลาที่ post: 05-09-2011, 11:49 AM
ผู้ที่เข้าถึงสิ่งที่เป็นพลังงานที่หาที่สิ้นสุดมิได้ (infinity) นั้น จักมีสักกี่คน เหตุของผู้นั้นย่อมมาจากผลของการได้บำเพ็ญบุญบารมีแบบประเมินมิได้เช่นกัน

ธรรมป็นของโลก
แต่ผู้เห็นธรรมนั้น เป็นผู้อยู่เหนือโลก
และผู้เข้าถึงธรรม ย่อมสัมผัสสิ่งเหนือโลกได้

ผู้เข้าถึงธรรม ผู้อยู่เหนือโลก ผู้สัมผัสสิ่งเหนือโลกได้นั้น
มิได้พึ่งมาบังเกิดขึ้นเฉพาะในภพนี้ แต่สะสมและเป็นมาหลายภพหลายอสงไขยมากแล้ว (ขั้นปรมัตถบารมี) เพียงแต่การลงมาเกิดเป็นมนุษย์ในภพนี้ บางคนก็ลงมาเพื่อเก็บเศษแสนกัปให้เต็ม บางคนลงมาเพื่อพระนิพพาน บางคนอาสาลงมาสืบต่อศาสนา บางคนลงมาตามพุทธประเพณี...อันนี้กล่าวถึงเฉพาะบุุคคลที่บำเพ็ญขั้นสูงสุดคือ ปรมัตถบารมีเท่านั้น

นักรบธรรมทั้งหลาย เมื่อจิตท่านโน้มมาแล้ว รู้ตัวแล้ว รู้ตัวละคนสงสัยบ้าง ก็จงค้นหาจริตของตัวเอง ค้นหาใจของตัวเอง พิสูจน์ด้วยตนเอง ปฏิบัติด้วยตนเอง แล้วสิ่งมหัศจรรย์ทางจิต สิ่งมหัศจรรย์ทางโลก สิ่งมหัศจรรย์ต่างมิติ ก็จะหลั่งไหลเข้ามาให้ท่านเรียนรู้ เมื่อเรียนรู้จนหายสงสัย การละวางซึ่งเป็นที่สุดนั้น ก็จะบังเกิดขึ้นเป็นขั้น เป็นตอน เป็นอัตโนมัติ.... ถึงเอง รู้เอง

ขอเจริญในธรรม

พุทธะ เป็นของเย็น
ธรรมะ เป็นของเย็น
พระนิพพาน เป็นของเย็น

ผู้เข้าถึงธรรม คืออริยบุคคล (โสดาบันถึงอรหันต์ จนถึงที่สุดคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ย่อมอยู่ในกระแสเย็น ผู้ที่เข้าสู่กระแสเย็นแล้ว ย่อมไม่ไหลย้อนกลับไปสู่กระแสร้อนได้อีกเลย

คุณภูเบศวร์: วันเวลาที่ post: 05-09-2011, 01:34 PM

การที่ผมได้ฝันถึงท่านสมบัติ (อยู่ในชุดขาว เหมือนที่ถ่ายรูปมาให้ดูตอนไปภูดานไห) คล้องพระเต็มคอหลายเส้น เหงื่อชุ่มตัว(เหมือนท่านนาคน้อย) พูดกับผมในท่าเหนื่อยหอบจากการปีนป่ายเขา ว่าไม่คล่องแคล่ว คล่องตัว เพราะคล้องพระอยู่เต็มคอ คงมีนัยยะอะไรนำมาให้นรธ.พิจารณา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็สุดแล้วแต่ใจของผู้ได้รับรู้รับทราบ ว่าจะมีมุมมองไปในทางใด มิได้พาดพิงหรือปรามาสแต่อย่างใด
แม้ว่าเรายังไม่เคยได้พบหน้ากันเลยทั้งท่านสมบัติ ท่านดร.นนท์ ท่านดร.ณัฐชัย เมื่อวันที่ได้เจอกัน ก็ไม่รู้สึกเหมือนเป็นคนที่เจอกันครั้งแรก กลับรู้สึกเหมือนวันรวมญาติอย่างนั้น
ได้สนทนากันเกี่ยวกับมงคลวัตถุสูงค่าที่หลั่งไหลมาให้เราได้พบเจอนั้น ไม่ใช่ว่าเราขวนขวายด้วยใจที่เต็มไปด้วยโลภะ เพราะลำพังแต่เราผู้เดียวให้คล้องทุกองค์ที่มีแม้อยากจะทำก็คงทำไม่ได้ และคงไม่ต่างอะไรกับยักษ์แบกแท่นตามฐานพระประธานหรือฐานพระเจดีย์ตนใดตนหนึ่งแต่เรารู้สึกถึงว่า เพื่อการจักได้ทะนุบำรุงพระศาสนา ส่งต่อให้ผู้อื่นให้ได้รับสิ่งมงคลนั้นไว้คุ้มครองสงเคราะห์เขาต่อไป และเพื่ออัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมายังที่อันสมควร มายังบุคคลอันเหมาะสม เพื่อได้เก็บรักษาไว้สืบทอดจนถึงลูกหลาน สืบทอดให้ยาวนานตราบชั่วยุกาลศาสนาดังเจตนารมณ์ของผู้สร้างสิ่งมงคลเหล่านั้น

IT Man: วันเวลาที่ post: 05-09-2011, 04:37 PM

มหัศจรรย์ทางจิต
เมื่อถึงเวลา ฟ้าก็ปิดไม่อยู่

การเดินทางอันยาวไกลสำหรับการพิสูจน์ ค้นหา พระพุทธานุภาพ ข้ามภพข้ามชาติมาไม่รู้เท่าไหร่ ได้ยุติลงแต่เพียงเท่านี้
ทุกอย่างได้ประจักษ์ชัดแจ้งผ่านทั้ง กายและจิต ของสามบุรุษที่เป็นตัวแทนของแต่ละภาคส่วน และถือได้ว่าเป็นกุญแจชีวิตดอกสำคัญ
พระพรที่ได้มา ไม่ใช่ไว้ใช้ยังประโยชน์ส่วนตนและพรรคพวก แต่จะต้องใช้เพื่อสงเคราะห์เพื่อนร่วมโลก ให้เบาบางจากภาระอันหนักอึ้งของพ่อแม่ครูอาจารย์

สิ้นแล้วซึ่งความสงสัยในพระพุทธานุภาพอันไร้ประมาณ ต่อไปจักมุ่งศึกษาการพัฒนาดวง "จิต" (มรรค 8 > ปัญญา สติ สมาธิ > กาย จิต > จิต) ให้ผ่านพ้นขีดอันตรายจึงจักสงเคราะห์โลกได้

จิต เท่านั้นที่เคยนำพาเราท่องไปทั่วสังสารวัฏ จิตเท่านั้นที่จะยังประโยชน์สูงสุดให้กับเราหรือผู้อื่นได้ และจิตเท่านั้นที่จักนำพาเราเข้าสู่แดนอันเกษม

ดร.นนต์: วันเวลาที่ post: 05-09-2011, 06:31 PM

บัดนี้ ผมรู้แล้วว่า สิ่งมงคลใดในโลกนี้ ที่มีพลังพุทธานุภาพสูงสุดแบบไร้ขีดจำกัด (infinity) ....
หนึ่งในนั้นได้แสดงพลานุภาพให้ผม ท่านสมบัติ ดร.ณัฐชัย และผู้ใหญ่อีกสามท่าน ได้เป็นที่ประจักษ์ด้วยตาเนื้อๆๆๆ พลานุภาพมากมายมหาศาลแผ่กระจายไปทั้งห้อง จนแผ่นมูลี่และวัตถุที่แขวนอยู่บนผนังสั่นไหวระรัว เสียงกระทบกันดังกราวๆ ประหนึ่งดั่งโลกธาตุสั่นไหว และสิ่งมงคลสูงสุดนี้เป็นสิ่งที่ถูกจัดวางให้ผมไปอัญเชิญพระบารมีเพื่อแสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ และเพื่อ..........ซึ่งผมได้อธิษฐานจิตเรียบร้อยแล้ว... สิ่งนี้(พระทนต์ของพระพุทธเจ้า) มิใช่ใครจะอัญเชิญได้...เพราะธาตุของท่านอาจจะแตกสลายได้ทันที...

สิ่งที่อธิษฐานและได้รับพระบารมีมา...ช่วยให้เกิดเหตุการณ์ที่วัดระฆังในวันต่อมา