วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

05: การเปิดญาณบารมี

อย่าพึ่งเชื่อ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
IT Man/09.08.56

คำว่า ญาณ นั้น อาจหมายถึงสิ่งที่ไปรู้ (ตัวรู้) กับสภาวะต่างๆ ในความหมายของขันธ์ห้า ก็มีคำว่า วิญญาณ ในความหมายนี้ก็คือ ตัวไปรู้ถึงอายตนะจากตา หู จมูก ลิ้น กายสัมผัส ว่ารู้สึกอย่างไร ดังนั้น ในความหมายของญาณที่ผมกล่าวถึงนี้ เป็นญาณบารมี ซึ่งเป็นการรับรู้สภาวะภายในที่อยู่เหนือมิติของสภาวะทางโลก เป็นของเก่าที่เราสะสมมาตั้งแต่อดีตชาติ การมีญาณสัมผัสได้นั้น ย่อมมีผลสืบเนื่องมาจากการบำเพ็ญบารมีจนได้ฌานสมาบัติ หรือญาณทัศนะ หรืออภิญญาใดๆในอดีต เมื่อมาในภพนี้ ญาณนั้นก็ยังติดตัวมา แต่จะถูกปิดด้วยทางโลก จนกว่าเราจะเข้าสู่วิถีการปฏิบัติ ญาณเหล่านั้นจึงจะค่อยๆปรากฏออกมา จะช้าจะเร็วขึ้นอยู่กับการปฏิบัติและบุญบารมีเก่า บางคนสามารถเปิดญาณของตัวเองออกมาใช้ด้วยตัวเองได้ แต่บางคนอาจถูกเปิดหรือถูกกระตุ้นจากผู้ที่มีญาณบารมีสูงกว่า หรือมีประสบการณ์กว่า ช่วยเปิดให้ เสมือนบุญของเราถูกบรรจุอยู่ในขวดจนเต็ม แต่เราไม่สามารถเปิดฝาขวดเอาน้ำออกมากินได้ เมื่อมีคนมาเปิดฝาขวดให้ ของเก่าจึงทะลักออกมา แถมเรายังสามารถกรอกน้ำเข้าไปใหม่ได้เรื่อยๆ ญาณเป็นของเราเอง แต่คนอื่นเปิดทางให้เบิกออกมาใช้ได้นั่นเอง ไม่ใช่เอาญาณของคนเปิดไปใส่ให้ ผมขอเรียกวิธีที่ผมใช้ว่า "เป็นการกระตุ้นให้รู้ตัว" ก็น่าจะพอพูดได้กระมังครับ จะได้ไม่ดูเป็นคำยิ่งใหญ่เกินไป

ส่วนผู้ที่บำเพ็ญทางเทพนั้น ส่วนใหญ่จะรับขันธ์อย่างที่เราเข้าใจ แต่พวกเราเป็นสายพุทธะ สายโลกุตระ สายพระนิพพาน จึงแค่ส่งญาณหรือคลื่นพลังไปมาหาสู่กัน เมื่อกระแสญาณถูกเปิดแล้ว ผู้มีบุญย่อมรู้ในกระแสบุญของกันและกัน ปิดกั้นก็ไม่ได้ นี่เป็นเพียงกระแสของญาณแบบพื้นๆ ถ้าสูงขึ้นไปก็คือ การถอดจิตไปนั่งคุยกันอย่างพ่อแม่ครูอาจารย์ และอริยบุคคลที่ท่านส่งถึงกัน เป็นของเล่นของผู้อยู่สูงแล้ว ต่อไปพวกเราก็จะก้าวไปถึงจุดนั้นได้เช่นกันครับ

ผมไม่แน่ใจว่า จะตอบคำถามของท่านได้ชัดหรือไม่ แต่ผมยืนยันว่า ท่านก็เป็นผู้มีบุญบารมีสูงในขั้นปรมัตถ์แล้ว ครบวงรอบแล้วก็สามารถตัดเข้าพระนิพพานได้เช่นกัน ไม่ธรรมดานะครับ ในภพนี้อย่างน้อยที่สุด ท่านก็ไม่ต่ำกว่าโสดาบันอย่างแน่นอนครับ สิ่งที่จะยืนยันคำพูดของผมว่าจริงหรือไม่จริง เมื่ออ่านจบแล้วขอให้สังเกตที่จิตของท่าน ถ้าหากมีความปีติจะเป็นจริง หากเฉยๆ จะไม่จริงครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์ 

Nontayan: http://board.palungjit.org/f131/หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร-ฝัน-231506-246.html#post5130860

ท่าน ดร.นนต์ก็ได้เปิดญานของผมเช่นกัน ผ่านคลื่นโทรศัพท์ ตอนนั้นผมโทรไป(ครั้งแรก)เพื่อขอรบกวนท่านให้ช่วยทำบุญกะหลวงปู่เนย พระอรหันต์แห่งสกลนคร

ตอนนั้นหลังจากวางหูเสร็จ มีความรู้สึกอยากไปนั่งสมาธิ (ตอนบ่ายๆ) จึงเข้าห้องพระเพื่อนั่งสมาธิ...(เป็นเรื่องปัจจัตตัง)

นั่งได้แป๊บเดียว...ก็จึงได้เห็นตัวเองได้ล่องลอยบนนภากาศ มองลงสู่เบื้องล่างชัดเจน คือเห็นเป็นทะเล เกาะ และภูเขาสูงสวยงาม พอลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆกลุ่มเมฆที่เดิมมีสี...ขาว...คลึ้ม...เคลื่อนไปเป็นสีม่วงครับ ทีนี้ผมไม่เคยอยู่ต่อหน้าองค์พุทธะ พระองค์ท่านช่างมีขนาดใหญ่กว่ากลุ่มเมฆนัก...ผมได้เห็น (แม้ไม่ชัดแต่จิตบอกว่าใช่แน่ไม่ผิด) ก็ได้นอบน้อมต่อพระองค์ท่านเป็นครั้งแรกในสมาธิ (อยากก้มลงกราบงามๆก็ไม่ได้ เพราะมีความรู้สึกว่าตัวเองเบาเกินไป หรือประมาณว่าพึ่งเริ่มฝึกเหาะ ราวๆนี้) จากนั้นก็ล่องลอยลงมาสู่พื้นดิน...จึงได้เห็นว่ามีคนแห่แหนตัวผมเองบนแคร่ เดินวนขวารอบพระอุโบสถวัดสำคัญแห่งหนึ่งในประเทศ มองดูด้านขวามือก็เห็นแฟนคนปัจจุบันเดินไปตามขบวนแห่...(ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า แม่คนนี้มันตามเราหลายภพเลยวุ๊ย หุหุ ทำให้มั่นใจในตัวเธอ)

ปกติผมนั่งได้ไม่นานครับ (แต่ก่อน) เต็มที่ 15 นาที ครานี้ประมาณ 25-30 นาที นั่งนานขนาดนี้...เห็นเรื่องราวขนาดนี้ ยังกะดูหนังที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน ก็ตื่นเต้นดีครับ

ก็เป็นเรื่องเล่าครั้งแรกที่ประสพในสมาธิ ที่เก็บงำมาหลายเดือน (หากเขียนตอนนั้นคนอาจคิดว่าผมมั่วก็ได้) เห็นเป็นจังหวะเหมาะดี จึงขอเปิดเผยให้พิจารณาและขอบคุณท่านนนต์ มา ณ ที่นี้อีกรอบครับ


IT Man: http://board.palungjit.org/f131/หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร-ฝัน-231506-246.html#post5131284