วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

นิมิตฝันว่า ได้พบงูสีขาวเผือกสอนมรณานุสติ

แสงรุ้งของพระอาทิตย์

ย่ำรุ่งของวันนี้ (4 ส.ค. 57 เมื่อวานวันพระ) ประมาณตี 4.30 - ตี 5.30 ฝันว่าได้หลบหนีผู้ชายคนหนึ่งที่เขาจับงูเอาไว้ ข้าพเจ้ากับเพื่อนได้พางูออกมาด้วย โดยมีเชือกผูกงูเอาไว้ที่คอแล้วลากให้งูเลื้อยเหมือนเราจูงสัตว์เลี้ยง เป็นงูสีขาวเผือกลักษณะงดงามสง่า คล้ายงูจงอางหรืองูเห่า ลำตัวไม่ใหญ่มากประมาณลำแขน 

เมื่อหลบออกมาที่ปลอดภัยแล้ว อยู่ระหว่างหมู่บ้านกับเนินสันเขายาวเหยียด ข้าพเจ้าจึงให้เพื่อนผูกงูเอาไว้แล้วให้เพื่อน (สั่งตลอด หุหุ) ไปซื้ออุปกรณ์ทำอาวุธ (เผื่อเขาตามมา) ระหว่างนั้นข้าพเจ้าสังเกตุเห็นทิศเบื้องหน้าเป็นทิศตะวันออก เพราะมีลำแสงส่องสว่างออกมาเป็นสีรุ้งประปรายหลายจุด จึงเดินไปหลบอยู่ใต้เงื้อมผาซึ่งข้างบนเป็นสันเขาตามที่กล่าวมาข้างต้น แล้วมองดูแสงรุ้ง ดูแล้วเย็นตา สบายใจ เพราะเป็นสีที่ชอบเป็นพิเศษอยู่แล้ว ระหว่างที่ชมสำแสงรุ้งต่างๆอยู่นั้น ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหาจากทิศเบื้องหน้า (ตะวันออกเฉียงใต้) ข้าพเจ้าสังเกตุดูเธอ ในใจก็คิดว่ารูปร่างหน้าตาช่างสะสวยเหมือนแฟนคนแรกตอนมัธยมเลย (ฮา...) เธอมายืนอยู่ห่างๆประมาณ 5 เมตร จู่ๆแสงรุ้งก็หายไปกลับกลายเป็นแสงอาทิตย์สีทองตามปกติ (สวยกว่าในภาพประกอบ)


แสงทองของพระอาทิตย์

ระหว่างนั้นเห็นงูขาวเลื้อยผ่านไปข้างบนสันเขา และเพื่อนก็กลับมาพอดี (ไม่มีสิ่งของที่ให้ไปซื้อ - สั่งได้แต่ไม่ค่อยได้ 55+) ได้บอกว่างูหลุดไปแล้ว (ก็งูตัวที่เลื้อยผ่านไปสักครู่แหละ) พวกเราจึงออกตามงูไปบนสันเขา เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตราย จึงไปเห็นผ้าสีขาวที่มีลักษณะแข็งๆมีช่องเหมือนรู 1 คืบ ขนาดประมาณ 2 x 0.5 เมตร คลุมอะไรสักอย่างอยู่ ข้าพเจ้าจึงบอกเพื่อนว่าน่าจะมีงูอยู่ในรูผ้านิแหละ 



ข้าพเจ้ากับเพื่อนจึงเตรียมไม้สีดำขนาดประมาณหัวแม่มือ ยาวประมาณ 1 เมตร เอาไว้ตีงู (ในใจก็คิดว่า แม้นเจองูถ้าตีเขาก็คงไม่ตาย ไม้ขนาดเล็กมากถ้าเทียบกับงู หึหึ) ข้าพเจ้าจึงเดินเข้าไปใกล้ประมาณ 1 เมตร สังเกตุเห็นดวงตาสีแดงขนาดเล็ก 1 คู่ในรูผ้าและมีดวงตาสีดำขนาดไล่เลี่ยกัน อยู่บนด้านหลังดวงตาสีแดง ห่างกันประมาณ 1 คืบ จึงมั่นใจว่าต้องเป็นงูแน่ๆ (อาจมีถึง 2 ตัว) กำลังว่าจะตีงูและก็กลัวงูจะฉกอีกด้วย จิตหนึ่งก็บอกว่า จะตีทันหรือถ้ามันฉกเราเสียก่อน


ดวงจิตลักษณะกลม (ในนิมิตสามารถขยายเข้าออกได้เอง)
บันทึกได้โดยบังเอิญที่ระเบียงหน้าบ้าน ที่นั่งภาวนาบ่อยๆ

พอคิดเช่นนั้นในเสี้ยววินาทีนั้น จิตของข้าพเจ้าก็รวม (คงกลัวตายด้วย) และได้หลุดออกมาจากเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นนั้น มาสู่อาการที่สงบเหมือนตอนที่เรานั่งสมาธิแล้วได้นิมิตเห็นแสงเห็นดวงต่างๆ คือจะเห็นเป็นเหมือนท้องฟ้ามืดสนิท แล้วมีดวงๆ (ในที่นี้ขอเรียกว่า "ดวงจิตเคลื่อนไหว") ล่องลอยอยู่เต็มท้องฟ้า มีขนาดใหญ่ประมาณหลอดไฟนิออนกลมๆ ทุกๆดวงจะอยู่กับที่ ณ จุดๆนั้น แต่มีลักษณะอาการขยายเข้าออกได้เองเหมือนกับสิ่งมีชีวิต มีหลากหลายสีมากๆ ขณะนั้นจิตได้บอกว่า "เป็นอาการของจิต" ส่วนอีกจิตบอกว่า "เราได้ตายไปแล้ว" น่าแปลกว่าทำไมเรา (ในที่นี้คือดวงจิต) ไม่รู้สึกเจ็บปวดจากพิษของงู ทำไมจิตเราถึงได้เบาสบาย สงบ ยังกะได้สมาธิ ในขณะนั้นจิตก็ได้ทบทวนไปมา สังเกตุดูจิตไปด้วย นึกถึงพุท-โธไปด้วย เพื่อป้องกันว่าตัวเองไม่ได้หลงติดในนิมิตนั้นๆ จากนั้นก็ค่อยๆคลายออกจากความฝันมาสู่ปัจจุบัน

ข้าพเจ้าออกจากความฝันมาสู่ปัจจุบัน ได้ทบทวนฝันอีกรอบ สงสัยว่านี่เราฝันเห็นดวงอะไรกันแน่ ณ ขณะที่นอนคิดอยู่นั้น จิตได้รวมเข้าสู่ความสงบอีกรอบ ยิ่งสงบไปกว่าตอนในความฝันอีก สงบจนเห็นดวงจิตทั้งหลายเหล่านั้นมีการขยายเข้าออก มีหลากหลายสีเคลื่อนที่อยู่ภายในและเป็นสีรุ้งแยกออกจากกันแจ่มชัดยิ่งขึ้น ระหว่างนั้นก็ภาวนาพุท-โธไปด้วย เพื่อเตือนสติตนเองว่า...ให้อยู่กับปัจจุบัน อย่าได้เข้าไปหลงติดในภาพดวงจิตอันสวยงามประหลาดที่ว่านี้

จากนั้นข้าพเจ้าได้ลุกขึ้นเข้าห้องน้ำ ทบทวนว่าเมื่อวานภายหลังจากทำวัตรในห้องพระเสร็จ เราได้ออกไปนั่งภาวนาที่หน้าบ้านและเดินจงกรมเล็กน้อย พอให้คลายจากอาการเมื่อยจากการนั่ง (ทำวัตร-ภาวนา) ต่อเนื่องกันเป็นชั่วโมง แล้วมานั่งพิจารณาเรื่องกายคตานุสสติและมรณานุสสติ ตามที่หลวงปู่-องค์ครูบาอาจารย์ท่านให้พวกเราหมั่นพิจารณาอยู่เนืองๆ แต่คงเนื่องด้วยเรายังเป็นผู้มีกิเลสหนาแน่นอยู่ จึงยังไม่ค่อยเข้าใจแจ่มแจ้ง จิตก็ยังคาใจในเรื่องของความตายอยู่ว่า...เป็นอาการเช่นไรหนอ?...แล้วก็เข้านอน ระหว่างนอนก็ท่องพุท-โธๆแล้วก็หลับไป จนได้ความฝันดังกล่าวข้างต้น


จุดนั่งภาวนา

หากความฝันนั้นเป็นจริงก็แสดงว่า
1. งูเผือกนั้นคงมาฉกเราให้ทราบว่าอาการ "ตาย" เป็นอย่างไร
2. ดวงจิตต่างๆที่เราเห็นภายหลังความตาย เหมือนอาการของจิตที่ได้รับความสงบ

ได้ข้อสรุปคร่าวๆประมาณนี้ 

มาภายหลัง (คืน 29 มิถุนายน 2560) ได้น้อมนำเรื่องนี้มาพิจารณาใหม่พบว่า ขณะที่จิตรวม (ละเอียดจนถึงฌานขั้นที่ 4) เข้าสู่สภาวะที่นิ่ง เงียบ สงบ แล้วหลุดออกจากร่างขึ้นไปพบดวงจิตต่างๆ สุกสว่างไสวหลากสีท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมิดนั้น ณ ที่แห่งนี้คือพรหมโลกชั้นที่ 1 เป็นสถานที่ของผู้ที่ได้ปฐมฌานขั้นที่ 1 ขึ้นไปเท่านั้นจึงจะไปเห็น และถ้าหากข้าพเจ้าตายไป ณ ขณะนั้นก็จะไปเกิดยังพรหมโลกชั้นนี้ทันที (เปนความเชื่อส่วนบุคคล)

เรื่องที่เกี่ยวข้องนิมิตของข้าพเจ้า:
01: หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)
10: ฌานนิมิตถึงพระอริยะเจ้า
15: แสงธรรมพระธุดงค์ นิมิตแห่งแสง
16: แสงธรรมพระธุดงค์ ตามหานิมิต 
17: แสงธรรมพระธุดงค์ พบแสงนิมิต

58: นิมิตฝันว่า ได้ดื่มน้ำทิพย์
144: นิมิตฝัน เกี่ยวกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช
155: มงคลนิมิต 2 ประการ
160: นิมิตฝันว่า ได้ฟังธรรมจาก...
165: นิมิตฝัน ถึงองค์พ่อแม่ครูอาจารย์มาสอนธรรม
193: นิมิตฝัน เกี่ยวกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์
275: นิมิตฝันว่า ได้ถวายอุปัฏฐากหลวงปู่ชา สุภทฺโท
นิมิตฝันว่า ได้พบพญานาคสีน้ำเงินจำศีลอยู่ในถ้ำ
นิมิตฝันว่า ได้พบงูสีขาวเผือก
นิมิตฝันว่า ได้เดินธุดงค์ติดตามองค์ครูบาอาจารย์ไปทางเหนือ
นิมิตฝันว่า ได้ถวายภัตตาหารร่วมกับญาติธรรมจำนวนมาก
นิมิตฝันว่า ได้ครอบครองเจ้าแห่งเหล็กไหล
นิมิตฝันว่า ทำบุญกับพระภิกษุสายหลวงพ่อวัดท่าซุง
นิมิตฝันว่า ได้ติดตามองค์ครูบาอาจารย์บิณฑบาตทางภาคอิสาน
นิมิตฝันว่า ได้เข้ากราบหลวงปู่หา (หลวงปู่ไดโนเสาร์)
นิมิตฝัน วันออกพรรษา
นิมิตฝันว่า ได้ร่วมขุดหาพระพิมพ์กับองค์ครูบาอาจารย์,หลวงปู่...
นิมิตฝันว่า ได้ติดตามองค์ครูบาอาจารย์ธุดงค์จากบาดาลสู่แดนลับแล (บังบด)