วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

02: แสงแห่งองค์พุทธะ

หิ้งพระบรมฯ ถ่ายจากตำแหน่งนั่งสมาธิ
เช้านี้ (ศุกร์ที่ 16 ก.ย. 2554) ตื่นราวๆตี 4 กว่าๆล้างหน้าแปรงฟัน ทำวัตรเช้าเสร็จ
นำประคำเหล็กไหลไพลดำองค์ธรรมะเสนาภักดี ขึ้นมาบริกรรมพระคาถา "ระโชหะระนัง ระชังหะระติ โลกะวิทู" ให้ครบ 108 ครั้งตามจำนวนประคำ เพื่อเป็นการวอร์มเครื่อง เข้าสู่สมาธิระดับที่สูงขึ้นๆ

พอเสร็จก็เข้าสู่ภวังค์แห่งองค์สมาธิเรื่อยๆ ผมได้สัมผัสรังสีที่แผ่ออกมาทางทิศเบื้องขวาด้านบนของผม มีลักษณะเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง แผ่มายังตัวผมเรื่อยๆ สีเรืองๆม่วงมั่ง ขาวนวลมั่ง หลายสีมั่ง ซึ่งผมรู้เลยว่าแผ่มาจากหิ้งประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ 1,2,3,4 ในภัทรกัปและของพระอรหันต์ทั้งหลาย เพราะตรงนั้นอยู่เบื้องบนด้านขวามือผมพอดี

ต่างจากเมื่อวานที่มีแสงรวมตัวกันเป็นลักษณะลูกโดนัทสีเหมือนกันกับวันนี้ จากมุมกว้างพุ่งมายังหน้าผากผม คือมีขนาดกว้างแล้วรวมตัวกันเป็นหนึ่งแล้วพุ่งเข้ามาหน้าผากพอดี เสียวแว๊บๆ

พอออกจากสมาธิคิดว่าจะบันทึกภาพไว้ เพื่อเป็นหลักฐานว่า...นี่ใช่มุมบนขวามือจริงๆนะ แต่ปรากฏว่าพบกลุ่มก้อนเรืองแสงกลมๆที่ผมเห็นในนิมิตบ่อยๆ นี่แหละครับแบบนี้เลย บันทึกได้ 2-3 ภาพ ก็เลยลองหันหน้ากล้องไปทางอื่นก็ไม่มี แปลกดีอีกแล้วครับ

ภาพขยายกลุ่มก้อนแสงสีม่วงเสด็จมาให้เห็นเป็นรูปธรรม

ออร่า..คืออะไร
ออร่า (Aura) คือแสงสีที่เกิดจากเซลล์ต่างๆ และอวัยวะส่วนสมองของเราบ่งบอกถึงสภาวะจิต ความรู้สึกนึกคิด สุขภาพร่างกายของเราว่าเป็นอย่างไร
- ใครมีความคิดดี มีสมาธิดี มีสติปัญญา ความขยันหมั่นเพียร มีความสดชื่น สดใส แสงออร่าก็จะแผ่กว้างออก ยิ่งมีพลังมากก็จะแผ่กว้างมาก
- ใครที่ไม่มีสมาธิ ขาดสติปัญญา แสงออร่าก็จะน้อยไม่มีพลัง
- ในทางวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้ว่า สมองของคนเรานั้นจะมีคลื่นพลังไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่เปล่งรัศมีเป็นพลังอำนาจออกมา ขนาดความกว้างและความสว่างของแสงนั้นขึ้นอยู่กับคลื่นพลังสมองของผู้นั้น
ในแถบยุโรปและอเมริกา ได้รับการยอมรับอย่างมากและสรุปสีที่ปรากฏ ได้ให้ความหมายของสีต่างๆดังนี้
แสงสีทอง : จิตใจมีเมตตากรุณา อยากช่วยเหลือผู้อื่น มีความพึงพอใจในตนเอง
แสงสีขาว : ความบริสุทธิ์ จริงใจ
แสงสีม่วง : เห็นสัจธรรมของโลก มีความคิดแจ่มใส
แสงสีคราม : มีไหวพริบดี ฉลาด รู้เท่าทัน เข้าใจสิ่งต่างๆได้เร็ว
แสงสีฟ้า : อารมณ์อ่อนไหว ต้องการชื่อเสียง
แสงสีเหลือง : สมถะ พอเพียง รักสันโดษ รู้จักประมาณตน
แสงสีแดง : ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อการอยู่รอด ยึดติดอำนาจ ทรัพย์สิน
แสงสีส้ม : ฉลาด มีความคิด เอาตัวรอดเก่ง
แสงสีชมพู : ความรัก โรแมนติก สุนทรีย์
แสงสีเขียว : อารมณ์แปรปรวนง่าย ชอบเด่นดัง
แสงสีเทา หรือดำ : จิตขุ่นมัว มีความเคียดแค้น พยาบาทจองเวร
แสงกายทิพย์ (Astral)
ร่างกายมนุษย์ ประกอบด้วยเซลล์ต่างๆเป็นพันล้านเซลล์ กลุ่มเซลล์จะจับหลุ่มประกอบกันเป็นอวัยวะต่างๆ เช่น ปอด ตับ ม้าม หัวใจ ฯลฯ ซึ่งจะทำงานสัมพันธ์กันเป็นระบบร่งากายที่สมบูรณ์ดี มีพลังชีวิต เพื่อความเป็นอยู่ที่ปรกติ แต่เมื่อใดที่เซลล์เกิดบกพร่องเสื่อมเสีย บิดเบี้ยวผิดปกติ อวัยวะนั้นก็จะทำงานไม่สมบูรณ์ ไม่ดี ทำให้ร่างกายเจ็บป่วย ไม่สบาย ซึ่งจะสะท้อนออกมาเป็นสีและแสงของ "กายทิพย์" ปรากฏให้เห็นเมื่อถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพพิเศษ
กายสีทอง : มีสุขภาพดีมาก สดชื่นมีชีวิตชีวา ชอบช่วยเหลือ
กายสีขาว : จิตบริสุทธิ์ หลุดพ้น ปล่อยวาง
กายสีม่วง : สมาธิตั้งมั่น มีญาณวิเศษ เข้าถึงธรรม สุขภาพดี
กายสีคราม : มีคุณธรรมนำจิต หนักแน่น มั่นคง น่าเคารพนับถือ
กายสีเหลือง : ฉลาดเฉลียว มีปัญญาขั้นสูง เก่งศึกษาค้นคว้า มีสุขภาพดี
กายสีแดง : ทะเยอทะยาน มุ่งมั่นต่อสู้เพื่อตน วัตถุนิยม
กายสีเขียว : ขาดอิสรภาพ ถูกกดดัน จิตใจไม่สบาย สุขภาพไม่ดี
กายสีเทา-ดำ : สุขภาพร่างกายไม่ดี สิ่งแวดล้อมไม่ดี จิตใจไม่ดี มีทุกข์
กายทิพย์ และ ออร่า
เมื่อเราได้เรียนรู้ ฝึกการดูออร่า และกายทิพย์ ซึ่งทั้งสองส่วนนี้มีความประสานสัมพันธ์กัน และเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน เราก็สามารถเข้าใจในสภาพร่างกาย จิตใจ ความเป็นมนุษย์ของเราได้อย่างชัดแจ้งมากยิ่งขึ้น
ลักษณะของแสงออร่าที่อยู่รอบร่างกายนั้น ยังมีลักษณะต่างๆที่สามารถบอกความโน้มเอียง หรือความน่าจะเป็นที่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น หรือสิ่งแวดล้อมรอบข้างได้ ซึ่งมีรูปลักษณะของแสงแตกต่างกันดังนี้
- มีแสงเรืองรอบกาย ในลักษณะกระจายออกในทิศทางต่างๆ
แสดงถึงความเป็นผู้มีพลังจิตดี เป็นคนดีมีคุณธรรม
- มีแสงกระจายออกเป็นหย่อมๆ เหมือนเมฆ
เป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเอง ขาดความกล้า ใจเสาะ
- มีแสงกระจายแหลมออกเหมือนขนเม่น
เป็นคนคิดแต่เรื่องของตัวเอง เห็นแก่ตัว ไม่ช่วยเหลือใคร
- มีแสงเหมือนลักษณะแสงฟ้าผ่า
เป็นคนมักมากในกามารมณ์ ฮิสทีเรีย
- มีแสงหลบข้างๆตัว
เป็นคนชอหลบซ่อนตัว ไม่กล้าสู้ความจริง พูดไม่จริง
- มีแสงหุ้มตัวเหมือนเปลือกแข็ง
เป็นคนหนักแน่น มั่นคง มั่นใจในตัวเอง
- มีแสงเหมือนตะขอเกี่ยวเบ็ดตกปลา
เป็นคนชอบฉวยโอกาส เอาเปรียบผู้อื่น
- มีแสงเหมือนหนวดปลาหมึก
เป็นคนเห็นแก่ตัว มักได้ ไม่ยอมเสียสละ
เมื่อท่านสามารถดูลักษณะ สี แสง รูปแบบ และอารมณ์ของกายทิพย์ และออร่าได้ด้วยการเรียนรู้ ฝึกฝน ก็สามารถอ่านคนออกว่าเป็นคนอย่างไร มีความรู้สึกนึกคิดอย่างไร เมื่อมาพบเรา หรือมาเกี่ยวข้องกับเรา จะเป็นอย่างไร เช่น คนบางคน เมื่อเราพบ หรืออยู่ใกล้เขา เราจะรู้สึกสบายใจ อยากรู้จัก แต่บางคนเพียงสบตากัน ก็รู้สึกไม่ชอบ ไม่ถูกชะตาเลย สาเหตุเพราะเกิดการกระทบกันระหว่างแสงออร่าระหว่างเขากับเรา ผลกระทบจะบอกว่าไปกันได้หรือไม่ได้
การฝึกดูแสงออร่าและกายทิพย์ มีสอนทั่วไปในสหรัฐอเมริกา อินเดีย และอีกหลายประเทศในแถบตะวันตก มีตำราออกมามากมาย ซึ่งน่าสนใจมาก สำหรับดูแลตนเอง และผู้ใกล้ชิด และยังเป็นประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจ การงาน การเรียน สุขภาพ ความสุขของชีวิต ฯลฯ เพราะเราสามารถใช้ตรวจสอบทางจิต และรู้ก่อนว่าหุ้นส่วนเขากำลังคิดอะไร เป็นคนขี้โกง เห็นแก่ตัวหรือไม่ หรือ เพื่อนร่วมงาน, ลูกน้องเป็นคนอย่างไร เป็นต้น
บทความจาก สถาบัน PhD.
ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์อธิบายปรากฏการณ์ ออร่า aura ว่าเกิดจากการที่ อะตอมของสารต่างๆเกิดการสั่นสะเทือนโดยอิเลกตรอนที่วิ่งรอบๆแกนอะตอมและเมื่อมีการเคลื่อนที่ก็มีการ รับและส่งพลังงานออกมาเพื่อให้ตัวเองมีเสถียรภาพ พลังงานที่ปล่อยออกมาจะออกมาในรูปแสงและคลื่นเสียง ออร่าเป็นผลพวงจากกระบวนการดังกล่าวในปัจจุบัน มีการบันทึกภาพออร่าด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรียกว่า เทคนิคแบบเกอร์เลี่ยน ซึ่งเป็นชื่อของผู้ค้นพบชาวรัสเซียและปัจจุบันได้พัฒนาเทคนิคนี้ จนเป็นที่ยอมรับโดยนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ภาพถ่ายเกอร์เลี่ยนนี้ในการศึกษา พลังของสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะพลังอำนาจของชีวิต เช่น ใช้ในการวิเคราะห์โรค ตรวจอำนาจหรือคุณสมบัติบางประการในวัตถุหรือสสาร (วิเคราะห์จากสเปคตัม)ความหมายของสีออร่า ในวัตถุที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตล้วนก็มีพลังงานทั้งสิ้น ฉะนั้นจึงมีผลต่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโลก สีออร่าที่แผ่รัศมีออกจากวัตถุนั้น จะเป็นการสื่อว่าวัตถุชนิดนั้นๆ มีสภาพเป็นเช่นไร จึงมีการจำแนกสีเพื่อเป็นเครื่องชี้วัดให้เกิดความเข้าใจถึงสถานภาพของวัตถุนั้นๆ
แต่ในที่นี้จำแนกเพียงสีออร่าที่แผ่ออกมาจากกายมนุษย์และวัตถุโดยจะแนะนำให้ใช้เป็นข้อมูลในการอ่านออร่าเบื้องต้นดังนี้(เป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่ง)
๑. สีชมพู หมายถึง พลังกายพลังใจที่แจ่มใส สดใส มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น มีความโอบอ้อมปลอบประโลมผู้อื่นในวัตถุถือว่าส่งผลทางเมตตามหานิยม
๒. สีแดง หมายถึง การกระฉับกระเฉง ความทะเยอทะยาน ความภาคภูมิใจ เต็มไปด้วยพลังแห่งการทำงาน และในวัตถุมงคลถือว่าเป็นอำนาจปกป้องคุ้มครอง ข่มอาถรรพ์คุณไสยและทางมหาอำนาจด้วย เครื่องรางประเภทคงกระพันชาตรี จะพบออร่าสีแดงเป็นพื้นอาจมีสีอื่นผสมด้วยสีแดงยิ่งเข้ม ยิ่งแสดงอำนาจในการคุกคาม แสดงถึงอำนาจในการป้องกันสูงตามไปด้วย
๓. สีส้ม/แสด หมายถึง ความกระฉับกระเฉงว่องไว สุขภาพสมบูรณ์ มีความสุขทั้งทางกายและทางใจในวัตถุมงคลเป็นสีโอโรสหมายถึงผลทางเสน่ห์โดยเฉพาะและหากร่วมกับสีชมพู ก็จะยิ่งส่งผลทางเสน่ห์สูงมากยิ่งขึ้นไปด้วย
๔. สีเหลือง หมายถึง ความฉลาด ความเมตตา มองโลกในแง่ดี เป็นสีที่มีภูมิคุ้มกันโรค สีเหลืองอมส้มหมายถึง ความฉลาดปราดเปรื่อง ในวัตถุมงคลเป็นสีของบารมีทั้งหลายส่งผลทางโภคทรัพย์ด้วยสีเหลืองหากปรากฏในวัตถุมงคลจะหมายถึงบารมีพระพุทธในบางกรณีซึ่งอาจมีการผสมกับสีฟ้าอ่อนๆด้วย
๕. สีเขียว หมายถึง จิตใจละเอียดอ่อน ใจดี เข้าใจผู้อื่นง่าย เป็นสีแสดงถึงความสมดุลของสภาพร่างกาย ในวัตถุมงคลคือส่งผลทางป้องกันรักษา โดยเฉพาะการรักษาโรค และล้างคุณไสย และในบางกรณี การผสมของออร่า บางสี อย่างสีเหลือง(แสดงอารมณ์ปิติมีความสุข) และสีฟ้า(อารมณ์เมตตา) ก็อาจเห็นเป็นออร่าสีเขียวได้เช่นกันดังนั้นการอ่านออร่า จึงต้องมีผู้ที่เชี่ยวชาญที่เห็นออร่าแบบต่างๆมามากให้คำแนะนำ
๖. สีน้ำเงิน หมายถึง ความสงบ มีสัจจะ ซื่อตรง จริงใจ เป็นผู้มีความมั่นคง ฉลาด และมักประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูง ในวัตถุมงคลเป็นสีทางโชคลาภอีกสีหนึ่งที่มาจากลาภลอย ลาภจาก การเจรจาตกลง
๗. สีคราม หมายถึง สีของพลังจิต มีสัมผัสที่ ๖ มีความฉลาดล้ำลึก ความคิดสร้างสรรค์ และมีความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ชอบค้นหาสัจจะธรรมของชีวิต เป็นการแสดงอำนาจญาณบางชนิดด้วยแต่ต้องชำนาญในการอ่านเช่นญาณพระพุทธ(สีคราม-ฟ้า) ญาณว่าน ญาณจากวัตถุธรรมชาติซึ่งแตกต่างกันในรายละเอียดบางประการต้องได้รับการแนะนำจากผู้รู้
๘. สีม่วง หมายถึง จิตละเอียดอ่อน เป็นตัวของตัวเอง มีสัมผัสที่ ๖ และแสดงถึงเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูง ชอบทางสมาธิและโน้มเอียงไปทางศาสนา ชอบเรื่องลี้ลับ คนส่วนมากมักไม่มีสีนี้ สีม่วงหากปรากฏในวัตถุมงคลถือว่ามีเทพระดับสูงรักษา(แรงครูบาอาจารย์)วัตถุมงคลที่มีสีม่วงแสดงว่ามีญาณทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าลางสังหรณ์
๙. สีขาว หมายถึง เป็นสีที่มีความสมดุลมากที่สุด มักพบในนักบุญหรือผู้ที่เจริญสมาธิอยู่เสมอ ถ้าปรากฏเป็นเส้นสีขาวผ่านซ้อนแสงหมายถึง การสื่อกับมิติอื่นได้ เป็นสีของญาณสมาบัติพบในมงคลวัตถุแสดงว่าผู้เสกสร้างได้สมาธิระดับสมาบัติชั้นสูง สีขาวเป็นการผสมของสีต่างๆอย่างสมดุลลงตัว เป็นสีที่บอกประการหนึ่งของพลังด้านบวก เป็นตัวปรับสมดุลเครื่องรางที่มรสีขาวจะมีผลทางด้านส่งเสริมให้จิตใจผู้สวมใส่เป็นสมาธิได้ง่าย และยังใช้ในการอธิษฐานขอเรื่องต่างๆได้ด้วย
๑๐. สีทอง หมายถึง สีของพลังจักรวาล พลังแห่งทิพยชั้นสูง ผู้ที่มีสีนี้พบได้น้อยมากปัจจุบันแทบจะหาไม่พบเลย เป็นพลังอำนาจนอกมิติการอ่านในภาพถ่ายจะแยกยากมากระหว่างสีเหลืองกับสีทองรายละเอียดจะข้ามไปสำหรับผู้ศึกษาโดยเฉพาะ
พลังสีต่างๆที่ปรากฏในวัตถุมงคลหมายถึงพละพลังของวัตถุมงคลนั้นที่เปล่งอานุภาพออกมา พิจารณาจากสี ความใส ความกว้างของออร่า การตรวจอำนาจมงคลวัตถุโดยออร่า เช่นภาพถ่ายเป็นกระบวนการที่ใช้วิทยาศาสตร์มารองรับว่ามีพลังงานประจุอยู่จริง ส่วนผลที่ว่า นำมงคลวัตถุนั้นไปใช้จะเกิดผลตามปรารถนาหรือไม่ ก็เป็นที่ตัวผู้ใช้เอง(Auraตัวผู้ใช้) และความสามารถในการต่อจิตสัมพันธ์กับพลังในวัตถุนั้นๆด้วย การอ่านออร่าด้วยสีต่างๆที่ปรากฏนั้นมีรายละเอียดค่อนข้างมากและบางสถาบันอาจมีความเห็นไม่ตรงกัน ทั้งนี้ก็เนื่องจากมีการค้นคว้าที่ต่างกันและสีที่ปรากฏบางครั้งเกิดการผสมกันจนเป็นอีกสีหนึ่ง จึงต้องพิจารณาทั้งสีพื้น สีแซม และสีที่แฝงด้วยการพิจารณาที่ถูกต้องจึงต้องเจาะให้ลึกถึงระดับออร่าเป็นชั้นต่างๆด้วย สำหรับในเว็บนี้จะพยายามนำออร่าของวัตถุมงคลแบบต่างๆมาให้ศึกษากัน ในโอกาสต่อไป