ช่วงนี้เป็นช่วงเข้าพรรษา ชาวพุทธนิยมเดินทางเข้าวัดเพื่อกราบสักการะพ่อแม่ครูอาจารย์ ที่ตนเคารพนับถือ จึงขอคัดลอกข้อเขียนของท่านพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญญวิเวก (บ้านปง) ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่.ซึ่งเขียนไว้ในหนังสือ " พระป่าของชาวพุทธ " เพื่อเป็นข้อเตือนใจตนว่าเราเข้าหาพระอริยะเหล่านั้นด้วยเหตุผลใด ดังนี้
ในปัจจุบันนี้ พุทธศาสนิกชนได้หันมาให้ความนิยมทำบุญกับ " พระป่า " สายพระกรรมฐานหลวงปู่มั่น มากขึ้น และในบรรดาผู้ที่ปวารนาตนเป็นลูกศิษย์พระป่าองค์ใดองค์หนึ่ง หรือหลายๆองค์ พร้อมกันนี้ยัง พอจำแนกได้เป็น 6 ประเภท กว้างๆดังนี้คือ
" รุ่มรวยอามิสบูชา ศรัทธาความดัง หวังผลกำไร ใฝ่หาแก่นธรรมจริงแท้ ดูแลไม่ลืมหูลืมตา อาจารย์ข้าใครอย่าแตะ "
1. ประเภท " รุ่มรวยอามิสบูชา " พวกนี้คือศิษย์ที่นิยมการทำบุญ เพื่อแสดงถึงฐานะ ความมั่งมีทรัพย์สินของตนเป็นหลัก เวลามาพบพระก็แต่งกายหรูหราด้วยอาภรณ์ภัณฑ์ชั้นดี ประดับแก้วแหวน เพชรนิลจินดา บริจาคเงินแต่ละทีแต่ละครั้ง เป็นแสนเป็นล้าน น้อยกว่านั้นไม่ได้ เดี๋ยวอานิสงค์จะขาดไป พร่องไป ไม่สมบูรณ์
2. ประเภท " ศรัทธาความดัง " พวกนี้คือศิษย์ที่ยึดความดังของพระอาจารย์เป็นสรณะ ไม่ได้ซาบซื้งเท่าใดนักกับหลักธรรมคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ท่านนั้นๆดอก ขอเพียงให้รู้ว่ามีพระอาจารย์องค์ไหนบ้างที่สื่อมวลชนตีพิมพ์ประวัติเรื่องราว พระอาจารย์องค์ไหนบ้างมีผู้คนบอกเล่ากล่าวขวัญถึง ฉันต้องไปทำบุญ ไปกราบไหว้ ให้ได้สักครั้งหนึ่งก็ยังดี เพื่อเพิ่มเนื้อหาให้แก่การสนทนาโอ้อวดว่าองค์โน้นไปกราบมาแล้ว องค์นั้นเคยนิมนต์มาฉันที่นี่ องค์นี้...สนิทใกล้ชิดกันมากเป็นต้น
3. ประเภท " หวังผลกำไร " พวกนี้ถ้ามิใช่พวกหากินกับพระพุทธศาสนา ค้าเครื่องรางของขลัง วัตถุมงคล ก็มักจะเป็นพวกทำงานธนาคาร ซึ่งอาศัยยอดเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา ไปฝากในธนาคารที่ตนเองทำงานอยู่ เพื่อให้ตัวเลขพุ่งขึ้นในบัญชีเงินฝาก ช่วยหนุนทำให้หน้าที่การงานของตนก้าวหน้าตามไปด้วยนั่นเอง
4. ประเภท " ใฝ่หาแก่นธรรมจริงแท้ " พวกนี้เป็นศิษย์ที่กระทำการบูชาครูบาอาจารย์ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำสั่งสอน โดยเคร่งครัด มีอันใดติดขัด ก็จะขอคำชี้แนะแก้ไข มีความพากเพียรในการค้นคว้าปฏิบัติธรรม เพื่อความพ้นทุกข์แท้จริง มีกิเลสไว้สำหรับละเลิก มีความตื่น ความรู้ เบิกบานไว้เป็นเครื่องภาวนาน้อมรำลึก
5. ประเภท " ดูแลไม่ลืมหูลืมตา " ที่ซ้ำร้ายศิษย์พระป่าประเภทนี้ มักเป็น "สตรีเพศ " เรียกว่า แทบจะร้อยทั้งร้อยก็ว่าได้ ไม่ทราบว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และศิษย์ประเภทนี้มักจะไม่ค่อยรู้ตัวว่า " การอันใดพึงงดเว้นเสียด้วย ขอเพียงให้ฉันได้ปรนนิบัติ ดูแล อาจารย์ที่ศรัทธา อย่างที่ฉันปรารถนาได้ เท่านั้น ก็พอแล้ว "
6. ประเภท "อาจารย์ข้าใครอย่าแตะ " ลูกศิษย์ประเภทนี้นับวัน ยิ่งมีมากขึ้นทุกที คือพวกที่ชอบกระทำตนเป็นเสมือนหนึ่งเจ้าของ หรือผู้จัดการครูบาอาจารย์ท่านแต่ผู้เดียว ผู้ใดก็ไม่รักและศรัทธาเสมอฉันได้ เพราะฉะนั้นใครจะให้อาจารย์ทำอะไรต้องมาผ่านทางฉัน ผู้เป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวเท่านั้น
ดังนั้น...สถานการณ์ " พระป่า " ในทุกวันนี้ จึงนับว่าล่อแหลมต่อ " พรหมจรรย์ " เป็นอย่างยิ่ง...ซึ่งพ่อแม่ครูอาจารย์แต่ละองค์ท่าน อุตส่าห์พยายามพากเพียร ฝึกฝน อบรมตน อดทน ต่อสู้กิเลส อยู่ในป่า เขา ถ้ำ เงื้อมผา อบรมภาวนาจิตใจ มาอย่างวิเวก เงียบสงัด สงบ จนได้รู้ธรรม เห็นธรรม บริสุทธิ์หมดจด หมดสิ้นซึ่งอาสวะกิเลส ทั้งปวง จึงได้ออกมาสั่งสอน และสงเคราะห์ เราปุถุชน ด้วยความเมตตา เป็นอย่างยิ่ง
บางองค ์ท่านจึงจำเป็นต้องปิดซ่อนเร้น " คุณธรรม...คุณวิเศษ " โดยไม่เปิดเผยให้ล่วงรู้มากจนเกินไป รู้เฉพาะแต่หมู่ลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ " ใฝ่หาแก่นธรรมจริงแท้ " จากองค์ท่านเท่านั้น แต่ท่านก็ยังมีจิตเมตตา คิดสงเคราะห์โลกและสงเคราะห์พวกเราๆที่ยังมีกิเลส มืดบอด อวิชชาครอบงำจิตใจ ให้ได้รู้จักการปฏิบัติธรรม อันได้แก่ ทาน ศีล ภาวนา ตามแต่วาสนา บารมีธรรม ของแต่ละคนที่ได้เคยสั่งสมอบรมจนเป็นอุปนิสัยปัจจัยกันมามากน้อย...ดังนั้นพวกเราจึงควรปฏิบัติตัวต่อ พ่อแม่ครูอาจารย์ กันอย่างไรบ้าง ......
องค์หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญญวิเวก เชียงใหม่
ขอนอบน้อมกราบ กราบ กราบ
สาธุ สาธุ สาธุ
.............
จาก : https://www.facebook.com/wichianname