วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

65: ความเชื่อเรื่องนาฬิกา

นาฬิกา นอกจากเป็นเครื่องบ่งบอกเวลาแล้ว นาฬิกายังจัดได้ว่าเป็น วัตถุมงคลและเป็นสัญลักษณ์ แห่งโชคลาภมากมาย อีกเช่นกัน บ้างก็ว่านาฬิกาเป็นลักษณะของ ความก้าวหน้า ความเจริญรุ่งเรือง ของพลัง ความสามารถหมุนเวียนไปได้อย่างทั่วถึง เสียงของนาฬิกาจึงเป็นพลัง แห่งความตื่นตัว กระฉับกระเฉงอยู่เสมอ โดยเฉพาะนาฬิกาโบราณ

นายสรรเสริญ เล่ห์จันทร์พงษ์ หรือที่รู้จักกันในนาม "ช่างอั๋น" ผู้สืบทอด การซ่อมนาฬิกาโบราณจาก "ช่างเซ็ง วัดคฤหบดี" บอกว่า ความเชื่อเรื่องนาฬิกาเริ่มตั้งแต่การจัดตำแหน่งของนาฬิกาในบ้านที่มีความสำคัญมาก ไม่ควรวางตำแหน่งของนาฬิกาที่ฝาผนังด้านขวาของบ้าน ไม่ควรแขวนนาฬิกา หรือเมื่อเปิดประตูเข้าบ้านต้องไม่เห็นนาฬิกาเผชิญหน้ากับเราพอดี บ้างก็ว่า นาฬิกาตรงกับประตูบ้านเป็นสัญลักษณ์ของการหมดอายุขัย
ปัจจุบันยังมีคนที่เชื่อถือในความเชื่อสัญลักษณ์สิริมงคลที่แฝงอยู่ในนาฬิกา นาฬิกาที่ดีต้องไม่หยุดเดิน ที่เรียกว่า นาฬิกาตาย เมื่อนาฬิกาเดินจึงเป็นความหมายแห่งพลัง ความก้าวหน้า บ้างก็ว่า พลังที่ดีต้องมีการหมุนเวียนหยิน-หยาง พลังในทางมือและทางสว่าง นาฬิกาน่าจะเป็นสัญลักษณ์ตรงนี้ได้ดี เมื่อสองพลังนี้ สมดุลกันโบราณว่าจะนำโชคลาภมาให้

จากประสบการณ์การเป็นช่างซ่อมนาฬิกาโบราณ ช่างอั๋นได้รวบรวม ๙ ความเชื่อเกี่ยวกับนาฬิกา พร้อมกับ อธิบายให้ฟังว่า

๑.นาฬิกาที่เดินนานที่สุด บางคนเชื่อว่านาฬิกาที่เดินนานที่สุดเป็น สัญลักษณ์แห่งอายุยืน ความปลอดโปร่ง สบายใจ ความเข้มแข็ง พลังแห่งความกระตือรือร้น ไม่เฉื่อยชา นาฬิกาประเภทที่เดินยาว นานที่สุดก็คือ นาฬิกาสี่ร้อยวัน ตั้งโต๊ะที่มีครอบแก้ว โดยไขลานเพียง ครั้งเดียว
แต่ยังมีนาฬิกาที่ เดินนานที่สุด ที่นักสะสมนาฬิกามักบอกว่า เดินกันชั่วชีวิต คือ นาฬิกา Almos เป็นนาฬิกาที่ เดินด้วยความกดอากาศหรืออุณหภูมิ โดยใช้หลักการในทุกๆ ๔ นาที อุณหภูมิของอากาศจะเปลี่ยนขึ้นลงตลอดเวลา

๒.เสียงตีของนาฬิกา เป็นสัญลักษณ์แห่ง เกียรติยศ ชื่อเสียงเกรียงไกร สร้างพลังที่ดีให้แก่บ้าน เกิดความสำราญ บานใจ ทั้งยังดึงดูดพลังที่ดีเข้าบ้าน ทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข และมีโชคลาภ ที่ค่อนข้างเงียบ ไร้เสียงกระดิ่งใส ไร้เสียงเพลง ถือว่าไม่ดีนัก คนในบ้านจะอับโชค ในขณะที่บางคน เชื่อว่า นาฬิกาไม่ตีเป็นสัญลักษณ์แห่ง ความเหนื่อย ไม่มีเวลาพักผ่อน มีแต่ ความเร่งร้อนแห่งการ รอคอย

๓.หน้าปัด นาฬิกาก็เหมือนคน ความสง่างามก็อยู่ที่หน้า บ่งบอกถึง ความมั่นคง หรือ หนักแน่น ความสมบูรณ์ เหมือนกับเด็กทารกที่อ้วนจ้ำม่ำ ดูแล้วเป็นมงคลในด้านโชคลาภ อุดมสมบูรณ์ ความรุ่งเรือง บางคนเชื่อว่า หน้าที่ดีคือ หน้ากระเบื้อง เพราะกระเบื้องจะมีความเงางามสดใส ไม่ หมัวหมองง่ายเหมือนหน้าประเภทอื่น ดูแลสบาย สีสันสดใส สวยงาม ให้เกิดความสุข โชคดี และความคงทนกว่าหน้าประเภทอื่น แต่ถ้าแตก ก็เลิกกัน

๔.สีมงคลประจำวันเกิด หลายคนเชื่อว่า สีประจำวันเกิดน่าจะเป็นสีที่ส่งผลต่อความเจริญ ประจำ ราศีเกิดของคนนั้น หน้าปัดของนาฬิกาที่มีสีต่างๆ นักสะสมเชื่อว่า น่าจะเลือกตามสีประจำวันเกิด เช่น สีเหลืองประจำวันจันทร์ วันอังคารสีชมพู วันพุธสีเขียว
แต่ยังมีพิเศษอีกอย่างคือ หน้าครีม เหลืองอ่อน ระหว่างเลขที่หน้าปัดจะมีรูปสัญลักษณ์สีแดงคล้าย ซิ่ว หรือ ตราลูกเสือ ตรงนี้นักสะสมเรียกว่าหน้ามี ซิ่ว ซึ่งหมายถึง เทพแห่งโชคลาภ หนึ่งในสาม คือ ฮก ลก ซิ่ว เชื่อว่าบันดาล โชคและความสุขให้ครอบครัว สุขภาพแข็งแรง

๕.ม้าและนกอินทรี บางคนเรียกว่าหัวโขนบนนาฬิกาที่อยู่ด้านบนสุดของนาฬิกา มีความเชื่อว่า ม้าเป็นสัญลักษณ์แห่ง ความโชคดี สำเร็จ แต่ต้องเป็น ม้าสีทอง สีเงิน และ สีน้ำตาล บันดาลชัยชนะ ส่วนสีดำไม่เหมาะ นกอินทรี เป็นสัญลักษณ์แห่ง ความสง่างาม วาสนาสูง การเริ่มต้นที่ดีของความ รุ่งเรือง นกที่มีท่วงท่าว่ากำลังจะบินเข้าบ้าน หมายถึง โชคลาภเข้ามาสู่ บ้านเรือน ถ้าเป็นรูปอื่น เช่น สิงโต จะให้มงคลด้านความเข้มแข็ง เป็นผู้นำ การนับถือจากคนรอบข้าง

๖.กระจกเจียระไน หมายถึง กระจกที่นำไปเจียระไนลบเหลี่ยม หักเหแสงแวววาวเหมือนเพชร เหมือนคริสตัลมีความ เชื่อว่า เป็นพลังของแสงสะท้อนกับแก้วแล้วกระจายพลังที่ดีไปรอบๆ ขจัดพลังลบให้ออกไปจากบ้าน จะประสบความรุ่งเรือง เฟื่องฟู ฐานะการเงินมั่นคง ความสำเร็จ อย่างสูง แต่ต้องเช็คทำความสะอาดกระจกให้เงางามอยู่เสมอ

๗.พระจันทร์ยิ้ม เชื่อว่า พระอาทิตย์-พระจันทร์ เป็นตัวแทนแห่งพลัง หยิน-หยาง หมุนเวียนสับ เปลี่ยนกัน  ถือว่าเป็น มงคลนัก เต็มไปด้วยพลัง แห่งความกระตือรือร้น ไม่เฉื่อยชา พระจันทร์เป็น สัญลักษณ์แห่ง ความ ร่มเย็นจิตใจที่อ่อนโยน และจะนำเรื่องความรักความเมตตามาสู่ท่านด้วย ถึงว่า ทำไมนาฬิกาพระจันทร์ยิ้มถึงแพงและหายาก ก็เพราะเป็นแบบ นี้นี่เอง

๘.นาฬิกาโป๊ยก่วย หมายถึง นาฬิกา แปดเหลี่ยม มีลักษณะเหมือน ยันต์แปดทิศ ของคนจีนที่ใช้เป็น สัญลักษณ์สำหรับ แก้อาถรรพณ์ต่างๆ เช่น ทางสามแพร่ง ถนนพุ่งเข้าบ้าน จึงใช้ลักษณะแปดเหลี่ยม แก้ไข ฮวงจุ้ยที่เสีย นาฬิกาแปดเหลี่ยมคน สมัยก่อนจึงเชื่อว่า เหมือนยันต์ แปดทิศ แต่มีพลังหยิน-หยาง แฝงอยู่ในตัวสมบูรณ์ และเสียงตีตามความเชื่อที่กล่าวมาแล้ว จะสังเกตว่าคนจีนสมัยก่อนนิยม นาฬิกาแปดเหลี่ยมกันมาก นอกจากนาฬิกาแปดเหลี่ยมแล้ว คนจีนเชื่อว่านาฬิการูปทรงกลม คล้ายเหรียญสตางค์จะนำลาภผลมาให้

๙.คำอวยพรอันเป็นมงคล สมัยก่อนเมื่อมีการเปิดกิจการร้านค้า ส่วนใหญ่จะนำนาฬิกาตั้งพื้น (ชิกโซ่) เป็นของขวัญที่ ระลึกวันเปิดร้านใหม่ และกระจกด้านหน้าที่มีข้อความเขียนคำอวยพรเป็นภาษาจีน ซึ่งล้วนแต่เป็นคำมงคลเกี่ยวกับโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง ร้อยละเก้าสิบของนาฬิกาประเภทนี้จะมี คำอวยพรทั้งนั้น นักสะสมบางคนชอบเก็บสะสมคำอวยพรไว้ ซึ่งเป็นความหมายที่ดี
นาฬิกา เซี่ยงไฮ้ของจีน จะมีกระจกเขียนลายสี หรือคำอวยพรตัวโตๆ สวยงามแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง นาฬิกาเซี่ยงไฮ้ จีนบางเรือนก็เขียนเป็นลาย ราศีประจำวันเกิด ที่เคยพบเห็นมี ปีวัว ปีเสือ ปีมังกร ปีงูเล็ก ปีลิง แต่หายากมาก นาฬิกาประเภท นี้กำลังตามเก็บรูปมาให้ท่านดูในโอกาสต่อไป น่าจะ เป็นลักษณะมงคลที่ดีอีกแบบหนึ่ง

"๙ ลักษณะนาฬิกาที่เป็นมงคลตามตัวอย่างที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงความเชื่อในส่วนหนึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วยังคงมีมากกว่านี้ ที่หลายท่านมองเห็นในสิ่งที่ดีที่เป็นมงคลของนาฬิกา ในท้ายสุดของปีเรื่อง ของสิริมงคลน่าจะเป็นเรื่องที่น่าพูดถึงกับทุกท่าน มากที่สุด" ช่างอั๋น กล่าวทิ้งท้าย
เราจะแบ่งออกตามกลไกการทำงานของมันได้เป็นสองกลุ่มใหญ่คือ


A.กลุ่มนาฬิกากลไก หรือ นาฬิกาจักรกล หรือ Mechanical Watch พวกนี้คือนาฬิกาที่ใช้การเคลื่อนไหวของฟันเฟืองต่างๆ โดยแรงขับจากลานสปริง เป็นนาฬิกาที่มีมานานหลายร้อยปีแล้ว พวกนี้แบ่งย่อยออกเป็นสองกลุ่มคือ


1.นาฬิกาไขลาน(หรือไขลานด้วยมือ) หรือ Manual Winding พวกนี้คือนาฬิกาดั้งเดิมที่ใช้กันมาโดยอาศัยการไขลานให้สปริงลานตึงขึ้นและเมื่อสปริงคลายตัวก็ใช้เป็นพลังงานในการขับเคลื่อนนาฬิกาให้เดิน


2.นาฬิกาออโตเมติค หรือนาฬิกาไขลานอัตโนมัติ (หรือไขลานด้วยตัวเอง)(Automatic winding )หรือ Selfwinding หรือ ค่าย Rolex เรียกมันว่า Perpetual (หมายถึงตราบใดที่ยังใส่ก็ยังเดินตลอดไป) พวกนี้จะมี Roter คอยเหวี่ยงเข้าลานให้ เราตลอดเวลาที่สวมใส่ หรืออยู่ในเครื่องหมุนเข้าลานนาฬิกา(Watch Winder) นาฬิกาพวกนี้เวลาเขย่าเบาๆ จะได้ยินเสียง Roter มันสั่นหรือหมุนให้ได้ยิน


B.กลุ่มคือนาฬิกาควอทซ์ หรือนาฬิกาอีเลคทรอนิค หรือนาฬิกาที่ใช้แบตตารี่ หรือที่อจTommy แห่ง Siam Naliga เรียกว่านาฬิกาใส่ถ่าน พวกนี้จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เป็นตัวหมุนเข็มให้เดินบอกเวลา หรือ รายงานผลผ่านจอ LCD หรือ หลอดไฟ LED และพวกนี้จะใช้พลังงานไฟฟ้าบางส่วนส่งผ่านผลึกควอทซ์ แล้วรับสัญญาณความถี่ กลับออกมาให้ ไมโครโพเซสเซอร์ประเมินออกมาเป็นเวลา เพื่อควบคุมการเดินของเข็ม นาฬิกาพวกนี้ให้ความเที่ยงตรงสูง แถมราคาค่อนข้างถูกเพราะว่าชิ้นส่วนอีเลคทรอนิคในปัจจุบันทำได้ครั้งละเป็นจำนวนมากๆ ทำให้ราคาไม่ค่อยแพง แต่ว่าไม่ค่อยได้รับความนิยมนิยมกันในหมู่นักเล่น นาฬิกามากนัก


ปัจจุบันนาฬิกาในกลุ่มนี้ บางรุ่น จะมี Roter เหวี่ยงหมุนตามการเคลื่อนไหวเวลาใช้งาน คล้ายกับนาฬิกาออโต้เมติค แต่แทนที่จะเหวี่ยงเข้าลาน มันกลับเป็นการเหวี่ยงเพื่อชาร์ตประจุไฟฟ้าไปเก็บไว้ในตัวเก็บประจุไฟฟ้า แล้วนำพลังงานไฟฟ้านี้ไปใช้กับระบบอีเลคทรอนิคแทนแบตเตอรี่ปกติ นาฬิกาพวกนี้คนที่บุกเบิกก็คือ Seiko ที่เรามักเรียกระบบนี้ตาม Seiko ว่า นาฬิกา " K i n e t i c "


นาฬิกาQuatz ในปัจจุบันยังมีการนำพลังงานจากแหล่งอื่นมาใช้ร่วมด้วยอีก เช่นใช้ Solar Cell ชาร์ตประจุไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ มาใช้เป็นต้น รวมไปถึงพวกนาฬิกา ที่ใช้พลังงานจากแรงกดอากาศ ที่ต่างกันก็มี


ล่าสุดในปัจจุบันยังมีนาฬิกา อีกระบบ ที่อยู่ตรงกลาง เป็นการผสมผสาน ระหว่าง นาฬิกาควอทซ์ และ นาฬิกาจักรกล นั่นคือ " S p r i n g D r i v e " จากค่าย Seiko เช่นกัน โดยมันเป็นนาฬิกาที่ขับเคลื่อนเฟืองและเข็มให้เดินด้วยลานเหมือนนาฬิกาจักรกลไขลานธรรมดา แต่ว่าพลังงานบางส่วนจากสปริงลานนี้จะถูกนำไปหมุนตัว Dynamo ขนาดจิ๋ว สร้างเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อป้อนให้ผลึก Quatz เพื่อนำสัญญานความถี่นั้นมาคำนวนเป็นเวลา เพื่อควบคุมการเดินของเข็มอีกที ซึ่งจะได้ความแม่นยำเที่ยงตรงสูงมากขึ้น


เปรียบเทียบความนิยม


หลายคนอาจจะรู้สึกว่าแปลก ที่ทำไมนาฬิกาจักรกล ซึ่งแพงกว่า เที่ยงตรงน้อยกว่า นาฬิกาควอทซ์ จึงได้รับความนิยมจากนักสะสมมากกว่า


ในราวประมาณ สามสิบ ถึง สี่สิบปีก่อน เมื่อทางค่ายญี่ปุ่นคิดค้นนาฬิกาควอทซ์ ขึ้นมาได้ ตอนนั้นหลายคนคิดว่า นาฬิากาจักรกลคงถึงกาลอวสานปิดฉากลงได้แล้ว เพราะว่าความเที่ยงตรง และราคาที่ถูกกว่ามากมายเหนือกว่านาฬิกาจักรกล ที่ทำด้วยมือจากสวิสต์ (และหลายค่ายในสวิตซ์ก์ปิดตัวเองจริงๆด้วย)


แต่เมื่อผ่านเวลาแห่งความตื่นเต้นกับนวัตกรรมใหม่ไประยะนึงแล้ว คนเริ่มหันกลับหานาฬิกาจักรกลเพื่อนเก่า


เหตุผลก็คือนาฬิกาจักรกล จะอาศัยกลไกที่ซับซ้อน ออกแบบให้ทำงานต่อเนื่อง และใช้ฝีมือในการทำปราณีตมากกว่า นาฬิกาควอทซ์ ซึ่งแค่ส่งสัญญานไฟฟ้าเข้าไปในผลึกควอทซ์ แล้วรับความถี่ออกมา แล้วใช้คอมประมวลผล ก่อนส่งไปควบคุมการหมุนของเข็ม ซึ่งทุกอย่างค่อนข้างสำเร็จรูป และตายตัวไปหมด


ยิ่งพวกฟังชั่นพิเศษต่างๆ พวกการจับเวลา หรือ ตั้งปลุก หรือปฏิทิน นี่ง่ายมากสำหรับพวกควอทซ์ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ ในขณะที่ นาฬิกาจักรกล ต้องอาศัยการดีไซน์กลไกซับซ้อน แบบสุดยอดเลย


ข้อเหนือกว่าอีกอย่างคือนาฬิกาจักรกล เป็นกลไก Mechanic ล้วนๆ ไม่ต้องอาศัยไฟฟ้า ทำงานได้ด้วยตัวของเอง ไม่ต้องคอยเปลี่ยนแบตเตอรี่ อาจจะต้องการเพียงแค่การทำความสะอาด และหล่อลื่นเล็กน้อย นานๆครั้งเท่านั้น ทำให้ความคงทนสูงกว่าพวกควอทซ์ซึ่งมีแบตเตอรี่และวงจรอีเลคทรอนิคส์ ซึ่งพวกนี้นอกจากต้องคอยเปลี่ยนถ่านให้มันตอนหมดแล้ว ถ้าเผลอปล่อยให้มันหมดทิ้งในเครื่อง บ่อยครั้งที่แบตที่หมดอายุเสื่อมและเน่าในเครื่องทำให้เสียหายได้


อีกเหตุผลนึงที่คนเล่นนาฬิกาจักรกลชอบก็คือ เสียงกลไกของนาฬิกาจักรกลที่มันเดินขยับเคลื่อนไหว มันดังเหมือนกับจะบอกให้รู้ว่ามันมีชีวิต กำลังทำงานอยู่ ไม่เหมือนควอทซ์ ซึ่งค่อนข้างจะเงียบเฉย เย็นชา กับเจ้าของ เหลือเกิน :P


สรุป ก็คือ แต่ถ้าพูดเรื่องราคาและความคุ้มค่า ตลอดจนความเที่ยงตรง แน่นอนนาฬิกาควอทซ์ คุ้มค่ากว่ามากในด้านเศรษฐศาสตร์


แต่ถ้าด้านจิตใจ หลายคน ที่เป็นแฟนพันธ์แท้นาฬิกา หรือแม้แต่แฟนพันธ์เทียมอย่างผม ยังรัก นาฬิกาจักรกล มากกว่า ควอทซ์ กันเป็นส่วนใหญ่