วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

223: คำอธิษฐานในบุญของข้าพเจ้า




พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย เวลาเข้าวัดทำบุญสร้างกุศลและสร้างบารมี ต่างก็มีความปรารถนาที่แตกต่างกันตามภูมิรู้ภูมิธรรมของแต่ละคนไป ทั้งนี้ก็ไม่ได้จำเพาะแต่ชาวพุทธ ยังกินความรวมถึงชาวต่างศาสนา ผู้นับถือผีสางเทวดา ผู้ไม่มีศาสนา อีกทั้งผู้ที่ยังเสวยผลกรรมอยู่อบายภูมิทั้งสี่ ต่อให้ตั้งความปรารถนาไปต่างๆนานา ไม่ว่าจะกี่ภพชาติ...สุดท้ายเมื่อบุญบารมีมากพอแล้วก็จะรู้ว่า เป้าหมายความปรารถนาสูงสุดของตนมีเพียงหนึ่งเดียวคือ "ความพ้นทุกข์" ด้วยกันทั้งสิ้น ข้าพเจ้าจึงยินดีที่จะแบ่งปันคำอธิษฐานเวลาทำบุญ พอเป็นแนวทางดังนี้


"ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญกุศลนี้บูชาคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ 
ขอบูชาคุณบิดามารดา ครูอุปัชฌาอาจารย์ เทพเทวา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ นาค ครุฑ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์แลผู้มีพระคุณทั้งหลาย 
ขออุทิศผลบุญแด่ท่านผู้มีพระคุณ ท่านเจ้ากรรมนายเวร สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัมภเวสี และสัตว์เดรัจฉาน 
ขอท่านทั้งหลายหากได้รับรู้ในบุญกุศลของข้าพเจ้า ขอได้โปรดโมทนาสาธุในบุญกุศลของข้าพเจ้าด้วยเถิด
อานิสงค์ผลบุญนี้ ขอจงเป็นพลวปัจจัย เป็นนิสสัยตามส่งให้ข้าพเจ้ามีกำลังสติปัญญาญาณ รู้แจ้งเห็นจริงในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ตราบจนเข้าสู่ความพ้นทุกข์คือพระนิพพานในปัจจุบันและอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญฯ นิพพานะ ปัจจโย โหตุ"


สามารถแยกย่อยเป็น 2.บูชาคุณ 1.อุทิศผล 1.คำอธิษฐาน ดังนี้
1. น้อมบูชาคุณแด่พระพุทธเจ้า เพราะพระองค์ทรงมีพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และมหากรุณาธิคุณ ต่อเหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลาย (มีคุณ 56 ประการ) , บูชาคุณแด่คุณพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ที่ทรงแสดงให้เวไนยสัตว์ได้ปฏิบัติตามเพื่อเข้าถึงความพ้นทุกข์ (มีคุณ 38 ประการ) และบูชาคุณแด่คุณพระสงฆ์ผู้น้อมนำพระธรรมคำสั่งสอนมาปฏิบัติเผยแพร่และท่านเป็นเนื้อนาบุญของโลก (มีคุณ 14 ประการ รวม 108 ประการ)


2. บูชาพระคุณระดับรองๆลงมาเช่น คุณบิดา 21 ประการ คุณมารดามี 12 ประการเป็นต้น เพื่อแสดงออกถึงความกตัญญูรู้คุณและบูชาบุคคลที่ควรบูชา


3. อุทิศบุญกุศลให้ตามลำดับคุณธรรมผู้มีอุปการะคุณต่อเรา (มีมารดาบิดา ครูบาอาจารย์ ผู้มีคุณธรรม ญาติพี่น้อง บริษัทที่จ้างงานเรา รวมไปถึงเหล่าเทพเทวาเบื้องบน เป็นต้น)
ในข้อนี้มีพิเศษ ตรงที่ขอท่านได้โปรดโมทนาสาธุ ทำไมต้อง "โปรด" ? เพราะเหล่าเทพเทวา ท่านมีบุญพร้อมมูล ท่านอาจไม่จำเป็นต้องมาโมทนากะเราท่านก็เสวยกรรมดี (ผลบุญ) ของท่านอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงร้องขอท่าน (หากท่านรับรู้) เมื่อท่านรับรู้ ท่านเกิดเห็นใจ หรือท่านอาจเคยเป็นญาติกะเรา แล้วท่านโมทนา เราก็ได้บุญหลายต่อเลย เนื่องจากเทวดาท่านมาโมทนาด้วย (เหมือนเราได้ร่วมทำบุญกะผู้ทรงศีลทรงธรรมหรือคนมั่งมีที่มีสัมมาทิฏฐิ ย่อมจะได้มาพบเจอ เกื้อกูลกันและเป็นกัลยาณมิตรที่ดี ต่างก็จะส่งเสริมชักนำกันให้ไปในทิศทางที่ดียิ่งๆขึ้นไปอีก)
ส่วนสัตว์ที่อยู่ในอบายภูมิทั้งสี่บางจำพวกนั้น อาจต้องอาศัยกำลังขององค์พระที่ท่านมีกำลังบารมีมาก แต่เราตั้งความปรารถนายินดีอุทิศบุญแก่เขาไว้ ย่อมเป็นเรื่องดี
- ความเชื่อส่วนบุคคล


4. คืออานิสงค์ผลบุญ เพื่อเป็นต้นทุนใน "คำอธิษฐาน" ของเรา
หากเราปรารถนาสุดยอดของความปรารถนา คือพระนิพพาน นี่คือสิ่งประเสริฐสูงสุดแล้ว หากเทพเทวาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์รับรู้ ท่านย่อมโมทนา พร้อมให้พรเราให้ได้สมความปรารถนา การให้ได้สมปรารถนาข้อนี้สำคัญ สำคัญอย่างไร? สำคัญตรงที่ทำให้เราเข้าถึง หรือเดินทางไปสู่ทางพ้นทุกข์ได้ง่ายและเร็วกว่าคนอื่นๆ (ที่มัวแต่จะขอสิ่งของภายนอกทั่วๆไป มันจึงต่างกันมาก)
- ความเชื่อส่วนบุคคล

หมายเหตุ: คำอธิษฐานคือเป้าหมายที่เราตั้งไว้แล้วเราจึงบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และเทวดา-พรหม) แล้วเราก็มุ่งพากเพียรเพื่อให้บรรลุผลตามคำอธิษฐานนั้นๆ (ไม่ใช่คำอ้อนวอนร้องขอ เช่น ขอให้เงินเดือนขึ้น ขอให้ถูกหวยรางวัลที่ 1 (เพื่อจะได้เงินมาทำบุญเยอะๆ ฟังดูมันเหมือนติดสินบนนะ)ฯลฯ ) พยายามอย่าขอแบบในวงเล็บก็พอ เดี๋ยวบุญจะติดลบ




ด้วยความปรารถนาดีต่อทุกรูปทุกนาม
IT Man/07.05.56

บุญเราไม่เคยสร้าง...ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า

ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเองคือบารมีลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สิน ในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว... เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว... แล้วเจ้าจะเอาอะไรไว้ในภพหน้าหมั่นสร้างบารมีไว้... แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง..."

"จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้...ครั้นถึงเวลา...ทั่วฟ้าจบดิน ก็ต้านเจ้าไม่อยู่...จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า..."

นี่คือคำเทศนาของหลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังษีที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้นิมิต หลังจากที่ท่านล่วงลับไปแล้ว เมื่อ ร้อยกว่าปีก่อน อันเป็นปฐมเหตุที่ต้องสร้างความดี อย่างไม่มีวันสิ้นสุด