วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

219: ใครจะเตือนตนได้เท่ากับตนเตือนตัว

"ใครจะเตือนตนได้เท่ากับตนเตือนตัว" 
(ขอเว้นไว้แต่พระผู้เป็นบรมครูทั้งหลาย เพราะองค์ท่านย่อมรู้ตนของเรา มากยิ่งกว่าเรารู้ในตนของเราเอง)

"ทางเดินของจิตเรา" กำลังมุ่งไปสู่ทางใด เราควรรู้ เราควรใคร่ครวญพิจารณาเสมอๆ

1. จิตมนุษย์ จิตเทวดา จิตพรหม เป็น "จิตฝ่ายกุศล" (ให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป)
2. จิตเดรัจฉาน จิตเปรต จิตสัตว์นรก เป็น "จิตฝ่ายอกุศล" (ให้เพียรละเพียรถอน)

"เราย่อมรู้ในจิตของเราเป็นปัจจัตตัง"
แต่จะเป็นจิตฝ่ายกุศลหรือฝ่ายอกุศลก็ยังเป็น "จิตโลกียชน" อยู่ ยังต้อง "เวียนว่ายตายเกิด" อยู่
พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนทางเดินแห่งจิตอันสูงค่ายิ่งกว่า สามารถนำพาให้จิตนี้หลุดพ้นจากการ "เวียนว่ายตายเกิด" ได้ 

นั่นคือ "จิตอริยชน" จิตอริยชนย่อมดำเนินตามรอยบาทแห่งพุทธองค์ที่ทรงพุทธดำเนินล่วงมาแล้วประมาณ 2,600 ปี
นั่นคือ "อริยมรรค" มีองค์ 8 โดยมีสัมมาทิฏฐิ (เพียรไปในทางที่ชอบประกอบด้วยธรรม) เป็นอาทิ 

โดยมีกำลังกองหนุนคือ "พละ 5" มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญาในทางธรรมดุจเดียวกัน
ผลของการดำเนินก้าวไปไม่หยุดหย่อนนั่นคือ "อริยผล" มี "โสดาปัตติผล" เป็นอาทิ 

เมื่อเข้าถึง "ผล" นี้แล้ว จิตนี้ย่อมไม่หลงติดอยู่ในกองทุกข์อีก จิตนี้ย่อมจักเจริญขึ้นไปเรื่อยๆ 
เจริญไปจนถึงที่สุดแห่งทุกข์ นั่นคือ "พระนิพพาน"
ขอนอบน้อมกราบ กราบ กราบ องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช พระผู้เมตตามาโปรดเหล่าเวไนยสัตว์

ให้รู้แจ้งเห็นจริงตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระบรมศาสดาสูงสุดในหมู่มวลมนุษย์ เทวดา พรหม ด้วยเศียรเกล้า

IT Man/24.04.56