วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

221: ปริศนาธรรม : หลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จฯโตที่มีมาร่วมร้อยกว่าปี



ท่าทางองค์หลวงปู่ฯ กำลังนั่งเหมือนท่าบริกรรม,เข้าฌาณสมาบัติหรือเหมือนชักรูปประคำ
โดยมีมือขวากำอยู่บนมือซ้าย ส่วนมือซ้ายนั้นกำอยู่ด้านล่างมือขวา 
หากพิจารณาดีๆก็เหมือนท่านั่งสมาธิโดยเอามือขวาวางทับมือซ้ายแล้วตั้งกายให้ตรงดำรงมั่นฯ 
เพียงแต่องค์ท่านยกมือขึ้นมาแล้วทำท่าทางกำมืออยู่ระหว่าง "กลางทรวงอก"



แล้วปริศนาธรรมนี้บอกอะไรแก่พุทธศาสนิกชน?

สำหรับคนทั่วไปก็จะตีความหมายตามภูมิรู้ ภูมิธรรม ตามความหมายข้างต้น 
แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าองค์หลวงปู่ท่านมีปัญญาเลิศล้นกว่าหมู่คนทั้งปวง 
เราจึงได้รับรู้เรื่องราวเรื่องเล่าต่างๆ เกี่ยวกับองค์ท่านในความปราดเปรื่องทางปัญญาอยู่เสมอๆ



องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ท่านเมตตาไขข้อสงสัยนี้ให้เหล่านักรบธรรมแห่งภูดานไหฟังว่า
เมื่อเราประสพเรื่องราว เครื่องหมาย นิมิตใดๆ ให้ตีความหมายไปใน "ทางธรรม" เสมอ 

ครูบาอาจารย์ระดับนี้ ท่านไม่สื่ออะไรออกมาเป็นของง่ายของธรรมดาเป็นแน่ ความหมายพอสังเขปมีดังนี้

1. มือขวาที่กำอยู่เบื้องบนมือซ้ายท่านเรียกว่า "กรรมบน" เปรียบเหมือน "ปาก"
2. มือซ้ายที่กำอยู่ด้านล่างมือขวาท่านเรียกว่า "กรรมล่าง" เปรียบเหมือน "ท้อง"
3. (ขออนุญาตเสริม) ท่าทางที่องค์ท่านยกมือทั้งสองขึ้นมาระหว่างกลางทรวงอกนั้น..

ขออนุญาตเรียกว่า "กรรมทั้งมวล" นั้นรวมสู่ที่ "ใจ"

สรุปว่า อันคนเราจะคิดจะทำสิ่งใดๆ ก็คิด ก็ทำไป "เพื่อปากเพื่อท้อง" ของตนเสมอ กรรมทั้งมวลส่วนใหญ่จึงเกิดจากปากจากท้องของบุคคลนั้นๆ จะต่อสู้ดิ้นรนแสวงหาทรัพย์สินเงินทองหน้าตายศฐาบรรดาศักดิ์ก็ทำไป "เพื่อปากเพื่อท้อง" จะโกงบ้านจะกินเมือง "ก็เพื่อปากเพื่อท้อง"

หมายเหตุ: ทบทวนมาจากความทรงจำ

ขอนอบน้อมกราบ กราบ กราบ องค์ครูบาอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า
IT Man/26.04.56

"ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเองคือบารมีลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สิน ในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว... เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว... แล้วเจ้าจะเอาอะไรไว้ในภพหน้าหมั่นสร้างบารมีไว้... แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง..."

"จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้...ครั้นถึงเวลา...ทั่วฟ้าจบดิน ก็ต้านเจ้าไม่อยู่...จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า..."

นี่คือคำเทศนาของหลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังษีที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้นิมิต หลังจากที่ท่านล่วงลับไปแล้ว เมื่อ ร้อยกว่าปีก่อน อันเป็นปฐมเหตุที่ต้องสร้างความดี อย่างไม่มีวันสุด

วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

220: เกิดเป็น "คน" ฤาจะพ้นคำ "นินทา"

เกิดเป็น "คน" ฤาจะพ้นคำ "นินทา"
พระพุทธองค์ผู้ทรงประเสริฐเลิศล้นเกินสามโลก ยังมิพ้นคนนินทา

เพราะมันเป็นของคู่โลก (มียศ เสื่อมยศ มีลาภ เสื่อมลาภ มีสุข มีทุกข์ มีสรรเสริญ จึงมี...นินทา)
นี่หล่ะ "โลกธรรม" ของแท้และจะเป็นเช่นนี้แน่ๆตลอดไป
หากเปรียบคำ "นินทา" เหมือน "อุนจิ" เมื่อมีผู้หยิบยื่นอุนจิให้เรา แต่เราไม่รับ อุนจินั้นจะเป็นของผู้ใดไปมิได้...
นอกจากเจ้าของอุนจิคนนั้น (นั่นเอง)
กรรมเรื่องวจีทุจริตมีตั้งหลายประการเช่น พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล พูดนินทาว่าร้ายคนอื่น 
กรรมเรื่องมโนทุจริต ก็คิดเบียดเบียน อิจฉาริษยาเขา เป็นต้น 
รวมความแล้วอยู่ใน "อกุศลกรรมบท 10 ประการ" ก็ขอให้พยายามลด ละ เลิก จนเป็นปกตินิสัยของเรา 
ขอเรียกกรรมบท 10 ประการนี้ว่าฉบับ upgrade ให้เหนือกว่า "ศีล 5" ธรรมดาสามัญ

หากจะ upgrade ให้สูงกว่านั้นอีก ก็ต้องเจริญ "พรหมวิหารธรรมทั้ง 4" ประการ 
นั่นคือเมตตาในทางที่ชอบ กรุณาในทางที่ชอบ มุทิตาในทางที่ชอบ และอุเบกขาในทางที่ชอบ


ส่วนกรรมที่มันล่วงมาแล้ว แล้วส่งผลถึงกรรมในปัจจุบัน ก็อย่าไปรื้อฟื้นหาเหตุให้ปวดหัวมากนัก 
เนื่องจากมันเป็นอดีตไปแล้วไม่มีสาระแก่นสารอันใด

จึงขอให้ทำกรรมในปัจจุบันขณะนี้เท่านั้นให้ดี โดยพิจารณาว่า "จิตของเรา" คิดไปในทางกุศลหรืออกุศล หากเป็นทางอกุศลจะทำให้ใจของเรามันเสียหาย เหนื่อยหน่ายในการสร้างคุณงามความดี จึงขอให้ "หยุดคิด" มันเสีย แล้วเพียรคิดเพียรทำแต่สิ่งดีงาม ท่านว่ามาประมาณนี้

"น้ำขังไว้ไม่ไหล ย่อมเน่าฉันใด คำนินทาฟังแล้วไม่ปล่อยวาง ย่อมทุกข์ฉันนั้น"

ว่าไปตามธรรม
25.04.56

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

219: ใครจะเตือนตนได้เท่ากับตนเตือนตัว

"ใครจะเตือนตนได้เท่ากับตนเตือนตัว" 
(ขอเว้นไว้แต่พระผู้เป็นบรมครูทั้งหลาย เพราะองค์ท่านย่อมรู้ตนของเรา มากยิ่งกว่าเรารู้ในตนของเราเอง)

"ทางเดินของจิตเรา" กำลังมุ่งไปสู่ทางใด เราควรรู้ เราควรใคร่ครวญพิจารณาเสมอๆ

1. จิตมนุษย์ จิตเทวดา จิตพรหม เป็น "จิตฝ่ายกุศล" (ให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป)
2. จิตเดรัจฉาน จิตเปรต จิตสัตว์นรก เป็น "จิตฝ่ายอกุศล" (ให้เพียรละเพียรถอน)

"เราย่อมรู้ในจิตของเราเป็นปัจจัตตัง"
แต่จะเป็นจิตฝ่ายกุศลหรือฝ่ายอกุศลก็ยังเป็น "จิตโลกียชน" อยู่ ยังต้อง "เวียนว่ายตายเกิด" อยู่
พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนทางเดินแห่งจิตอันสูงค่ายิ่งกว่า สามารถนำพาให้จิตนี้หลุดพ้นจากการ "เวียนว่ายตายเกิด" ได้ 

นั่นคือ "จิตอริยชน" จิตอริยชนย่อมดำเนินตามรอยบาทแห่งพุทธองค์ที่ทรงพุทธดำเนินล่วงมาแล้วประมาณ 2,600 ปี
นั่นคือ "อริยมรรค" มีองค์ 8 โดยมีสัมมาทิฏฐิ (เพียรไปในทางที่ชอบประกอบด้วยธรรม) เป็นอาทิ 

โดยมีกำลังกองหนุนคือ "พละ 5" มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญาในทางธรรมดุจเดียวกัน
ผลของการดำเนินก้าวไปไม่หยุดหย่อนนั่นคือ "อริยผล" มี "โสดาปัตติผล" เป็นอาทิ 

เมื่อเข้าถึง "ผล" นี้แล้ว จิตนี้ย่อมไม่หลงติดอยู่ในกองทุกข์อีก จิตนี้ย่อมจักเจริญขึ้นไปเรื่อยๆ 
เจริญไปจนถึงที่สุดแห่งทุกข์ นั่นคือ "พระนิพพาน"
ขอนอบน้อมกราบ กราบ กราบ องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช พระผู้เมตตามาโปรดเหล่าเวไนยสัตว์

ให้รู้แจ้งเห็นจริงตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระบรมศาสดาสูงสุดในหมู่มวลมนุษย์ เทวดา พรหม ด้วยเศียรเกล้า

IT Man/24.04.56

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

218: วัดศรีชุม พระพุทธรูปขนาดใหญ่ยุคสุโขทัย

ก่อนจะไปสักการะพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 
ก็ควรสักการะหลวงพ่อพระพุทธรูปตาเพชรที่ประดิษฐานภายในพระอุโบสถของทางวัดเสียก่อน 
จะได้มีดวงตาที่ใสสว่างในทางธรรม กำลังใจที่แข็งแกร่งดุจดั่งเพชร


 จากนั้นเราค่อยมาสักการะองค์พระพุทธรูปศิลปะยุคสุโขทัย องค์ขนาดใหญ่และงดงามองค์นี้ (ใกล้ๆกัน)

พระหัตถ์ใกล้ๆ ลองนึกถึงยุคสมัยที่พระพุทธเจ้าองค์ขนาดนี้ดูนะ 

แสงแดดแผดเผาได้แต่เพียง "กาย"
เมื่อเข้าใกล้องค์พระ กลับมี "ลม" พัดเย็นสบายพอดับความร้อนนั้นได้ "ชั่วขณะ"

เปรียบดั่งไฟกิเลสที่แผดเผา "ใจ"
แม้จะรุ่มร้อนเพียงใด ก็ดับได้ด้วย "ธรรมะ" อันชุ่มเย็นยิ่งกว่าได้ "นิรันดร์"

ขอนอบน้อมกราบ กราบ กราบ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
ผู้ทรงเป็นบรมครูสูงสุดแห่งมวลมนุษย์ เทวดา และพรหมทั้งหลายด้วยเศียรเกล้า

ทรงงดงามยิ่งนัก เมื่อต้องแสงสาดส่อง จะด้วยเหตุใดนั้น สุดแท้แต่จะจินตนา 


ก่อนกลับ 
ถึงแม่สอด ก็หาร้านอาหารที่ได้แสงอาทิตย์ยามเย็นงามๆ 


ปิดท้ายด้วย...ลูกโป่งสวรรค์ 






217: อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

ยังอยู่ที่สุโขทัย เมืองเก่าของเราแต่ก่อน






จักรยานสีชมพู (เหมาะ)
ช้างแก้ว...พาหนะคู่่ใจ ถึงไหนถึงกัน









รีบๆบันทึกภาพแล้วก็ออกมา เนื่องจากอากาศร้อนสุดขีด (40 องศา)
ใครปล่อยปลาให้ชีวิตแก่สัตว์อื่น ก็ขอให้คลายทุกข์โศก โรคภัยภายนอกก็อย่าได้เบียดเบียน