พุทธวิสัย ยากแท้ที่สาวกภูมิจักรู้ได้ แม่นบ่?
พระพุทธองค์ในอดีต:ท่านทรงดับขันธ์สู่ปรินิพพานนานแล้ว...แต่พระองค์ถัดไปคือ
*****************************************
หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 16 อสงไขยแสนกัป
ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 477,029 พระองค์
เป็นวิริยะพุทธเจ้า อายุไขย 80,000 พรรษา
พระสรีระสูง 80 ศอก หรือ 40 เมตร
บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน
พุทธรังสีสร้านไปไกล ยังกำหนดไม่ได้
พระแก้วประจำองค์ พระแก้วแดง และทรงเครื่องบรมหาจักรพรรดิ
หน้าตักกว้าง 20 วา
*****************************************พระพุทธเจ้าที่ล่วงมาแล้วหลายพระองค์ มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน อุปมาว่าจำนวนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ล่วงไปแล้วมีจำนวนมากกว่าเม็ดทรายในมหาสมุทรทั้งสี่ พระพุทธเจ้าทรงแนะว่าไม่ควรคิดถึงเรื่องของพระพุทธเจ้า เพราะเป็นอจินไตย (แปลว่า เป็นเรื่องที่มนุษย์ปุถุชนอย่างเราไม่ควรคิดเพราะเป็นเรื่องที่ลึกลำเหนือ จินตนาการของมนุษย์)
พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้สร้างบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ จนครบถ้วนบริบูรณ์ ใช้เวลาถึง ๒๐ อสงไขย กับอีกแสนมหากัป
สมัยหนึ่ง พระอานนท์ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาค ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความปรารถนาที่จะเป็น พระพุทธเจ้า ทั้งหลายควรใช้เวลานานเท่าไร พระพุทธองค์ตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ความปรารถนา เป็นพระพุทธเจ้าทั้งหลาย โดยการกำหนดอย่างต่ำที่สุด ๒๐ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ กัป กำหนด ปานกลาง ๔๐ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ กัป กำหนดอย่างสูง ๘๐ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ กัป ทั้ง ๓ ประเภทนั้น คือ พระพุทธเจ้าผู้เป็นปัญญาธิกะ สัทธาธิกะ และวิริยาธิกะ "
อาจมีผู้สงสัยว่า ทำไมต้องกำหนดเวลานานอย่างนั้นด้วย ถ้าเร่งสร้างบารมีอย่างเต็มที่ เพียงไม่กี่ล้านชาติ ก็น่าจะสามารถตรัสรู้ธรรมได้ เหมือนกับถ้าขยันเรียนหรือขยันทำงาน ก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว แต่อันที่จริงการจะเป็น พระพุทธเจ้าไม่ใช่ง่ายอย่างที่คิด
พระพุทธองค์ตรัสว่า แม้บุคคลจะถวายมหาทาน เหมือนกับมหาทาน ของพระเวสสันดรทุกๆ วันก็ดี สั่งสมบารมีธรรม มีศีล เป็นต้น เพื่อมุ่งสัพพัญญุตญาณก็ดี หากยังไม่ถึง ๒๐ อสงไขย ๑๐๐,๐๐๐ กัปแล้ว ยังไม่อาจเป็นพระพุทธเจ้าได้ เพราะญาณยังไม่แก่รอบ ยังไม่ถึงความไพบูลย์ เปรียบเหมือนข้าวกล้าจะออกรวงได้ ต้องใช้เวลา ๔ หรือ ๕ เดือน แม้จะขยันรดน้ำวันละ ๑๐๐,๐๐๐ ครั้ง ทุกๆ วัน ก็ยังไม่อาจออกรวงภายใน ๑ เดือน ฉันใด ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปตามกาลเวลาที่เหมาะสม ฉันนั้น
ยอดนักสร้างบารมีทั้งหลาย...การสร้างบารมีชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพันของพระบรมโพธิสัตว์เพื่อการได้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณนั้น ต้องใช้เวลายาวนานเหลือเกิน แต่ก็ไม่เกินใจที่ท่านจะไปถึง และท่านก็ทำได้สำเร็จอีกด้วย ยิ่งถ้าหากเราได้ศึกษาวีรกรรม แห่งความดีระหว่างการสร้างบารมีของพระองค์จะยิ่งซาบซึ้งหนักขึ้นไปอีก เพียงเท่านี้ ก็นับเป็นบุคคล มหัศจรรย์ที่สุดในโลกแล้ว
ดังนั้นวันวิสาขบูชาจึงสมควรแล้วที่องค์การสหประชาชาติจัดให้เป็น วันสำคัญสากลโลก ชาวพุทธทุกคนจึงควรจะเจริญพุทธานุสติ รำลึกนึกถึงพระพุทธคุณอันไม่มีประมาณ ทั้งพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ พระกรุณาธิคุณ แล้วหาโอกาสแสดงออกถึงความศรัทธาเลื่อมใสในพุทธคุณทั้งอามิสบูชาและปฏิบัติบูชา เข้าวัด ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม ปฏิบัติตนให้สมกับเป็นพุทธมามกะ อานิสงส์นี้จะได้หนุนส่งให้ทานทั้งหลายได้เกิดใน บวรพุทธศาสนาไปทุก ภพทุกชาติ ตราบวันถึงที่สุดแห่งธรรม...
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เอกบุรุษเมื่ออุบัติขึ้นในโลก ย่อมอุบัติขึ้นเพื่อประโยชน์สุขแก่ชนหมู่มาก เพื่อความอนุเคราะห์ ชาวโลก เพื่อประโยชน์สุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เอกบุรุษคือใคร คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า"
*****************************************- จากญาณหยั่งรู้แห่งองค์หลวงปู่...รูปหนึ่ง เป็น 1 ใน 10 พระนิยตโพธิสัตว์เจ้าที่จักเสด็จลงมาอุบัติในกาลข้างหน้า
(ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น...ให้การรับรอง) ท่านบอกว่า
"องค์พระศรีฯจักลงมาเกิดอีก 30,000 ชาติ จึงจักถึงกาลอุบัติแห่งพระองค์ท่าน"
- ไม่นานเลยนะครับ หากเทียบกับการสร้างสมพระบารมีกับพระพุทธเจ้าที่มีมาถึง 477,029 พระองค์!
- 477,029 พระองค์ (หากคิดเป็นภพชาติหรือปี จักต้องเติมศูนย์อีกไม่รู้เท่าไหร่)
ปล: - ญาณหยั่งรู้ของผู้ที่จักมาเป็นพระพุทธเจ้า ย่อมแจ่มแจ้ง ชัดเจน กว้างขวางในพุทธวิสัยมากว่าพระอรหันต์
- หากท่านไม่เชื่อก็โปรดวางเฉย เพราะเป็นเรื่องเกินตัวของปุถุชน
*****************************************