วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554

53: กลับจากธรรมะสัญจร



เมื่อ: 21-11-2011, 03:59 PM
สบายดีนะครับเพื่อนธรรมทุกๆท่าน
หนาวกันหรือยังครับ?...แม่สอดหนาวแล้วเด้อ...

ห่างหายจากบอร์ดไปหลายวันตั้งแต่ 11-20 พ.ย.'54 ตามที่ทราบกันดีว่าต้องเตรียมการต้อนรับคณะพ่อแม่ครูอาจารย์กับญาติธรรม แล้วต่อเนื่องด้วยการจาริกไปยังสถานที่สำคัญๆต่างๆในแถบภาคเหนือ เช่น
- ถ้ำแก้วโกมล อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ถ้ำผนึกสีขาวดุจน้ำแข็งหนึ่งในสามของโลก (ได้ร่วมสวดมนต์,นั่งสมาธิแผ่เมตตาในก้นถ้ำ เสียดายที่ จนท.ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ)
- พระพุทธบาทสี่รอย ณ.ยอดเขาสูงใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ครูอาจารย์ท่านรับรองไว้ว่าเป็นรอยประทับพระบาทของพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 1-2-3-4 ในภัทรกัป ประทับซ้อนๆกันอยู่ และพระศรีอริยะเมตตรัยก็จะทรงประทับให้เป็นรอยเดียวในยุคของพระองค์ในกาลข้างหน้า (ได้ร่วมนั่งสมาธิบูชาพระคุณ ขอขมาฯ และได้เกิดความปีติจนหักห้ามน้ำตาไม่ได้ ณ ที่แห่งนี้ร่วมกัน)
- เรื่องราวต่างๆจักทยอยลงเรื่อยๆ

บ่ายวันนี้ผมขอเริ่มต้นทักทายโดยการนำเสนอรายละเอียดของเพชรตาเสือ หรือคดไม้สัก เป็นแร่กลุ่มเดียวกันกับควอตซ์(คล้ายพระพุทธปฐวีธาตุแต่ต่างสถานที่กำเนิด) เพียงแต่เป็นคนละสีกัน พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเมตตาแนะนำว่า ดีนัก! ดีอย่างไร โปรดสอบถามครูชาติ ท่านนนต์หรือคุณเก๋นะครับ 555 เห็นพยายามตามหากันหลายพันโค้ง(ผมก็ด้วย) สุดท้ายผมว่าที่แม่สอดคุณภาพดีสุดครับ (ดูภาพประคำท่านศรุตประกอบ)



.............................................................................................................................

.............................................................................................................................
ายละเอียด: ไทเกอร์อาย (Tiger’s Eye) หรือ พลอยตาเสือ หรือ คดไม้สัก
เป็นพลอยโปร่งแสงถึงทึบแสงมีสีเหลืองอมน้ำตาลและน้ำตาล มีปรากฏการณ์ตาแมวเกิดเนื่องจากควิรตซ์เข้าไปแทนที่ในลักษณะซูโดมอร์ฟในแร่โครซิโดไลต์ ซึ่งเป็นแร่แอสเบสตอส มีลักษณะเป็นเส้นใยไหม (Silky form) ทำให้แร่ควอรตซ์ที่เข้าไปแทนที่ได้ลักษณะของเส้นใยไหมด้วยซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ตาแมวเป็นคลื่น

ไทเกอร์อาย (Tiger’s Eye) หรือ พลอยตาเสือ หรือ คดไม้สัก
จัดอยู่ในกลุ่มของ ควอรตซ์ (Quartz) เป็นแร่ที่มีความหลากหลายในแง่ของการเกิดและชนิดมากที่สุด พบทั้งในหินอัคนี หินตะกอน และหินแปร การที่มีความแข็งเท่ากับ 7 ไม่มีแนวแตกเรียบ และมีเสถียรภาพทางเคมี ไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีทั่วไป จึงเป็นแร่ที่ทนทานต่อการผุกร่อน และทนต่อการทำลายทางเคมีมาก ทำให้ควอรตซ์ยังคงสภาพอยู่ได้ในรูปของกรวดทรายตามตะกอนทางน้ำและชายทะเล
ควอรตซ์ ที่เป็นอัญมณี แบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีผลึกหยาบ คือ โคซลิคริสตัลไลน์ (Coarsely Crystalline) และกลุ่มที่มีผลึกละเอียด คือ คริปโตคริสตัลไลน์ (Crypto crystalline) ทั้ง 2 กลุ่มมีส่วนประกอบทางเคมีและโครงสร้างเหมือนกัน ต่างกันที่การเกิด ขนาดผลึก มลทินที่ทำให้เกิดสี และรูปแบบของสี (pattern) เท่านั้น

ไทเกอร์อาย (Tiger’s Eye) หรือ พลอยตาเสือ หรือ คดไม้สัก
จัดอยู่ใน กลุ่มที่มีผลึกหยาบ คือ โคซลิคริสตัลไลน์ (Coarsely Crystalline)
มีความแข็ง (Hardness) = 6.5-7 โมฮส์ (Mohs)
ส่วนประกอบทางเคมี (Chemical Formula) = SiO2 , Silicon dioxide
ดัชนีหักเหของแสง (Refractive Index) = 1.54-1.55
ความถ่วงจำเพาะ (Specific gravity) = 2.65
.............................................................................................................................
เสริมมงคลด้าน
ปกป้องคุ้มครอง ขจัดปัดเป่าวิญญาณร้าย เพิ่มพลังความคิดและพลังของการจินตนาการ กระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจไทเกอร์’ อาย เป็นหินที่รู้จักกันดีในชื่อพลอยตาเสือ หรือ คดไม้สัก บางแห่งเรียกหินชนิดนี้ว่า แคทีส อาย เป็นหินแร่ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เป็นหินที่มีความหนาแน่นและเปล่งแสงแวววาว เหลือบริ้วสีน้ำตาลของหินชนิดนี้ ส่งผลในเรื่องของการจินตนาการถึงพระเจ้า และแสงสว่างทางปัญญา
ตำนานที่เล่าขาน
คนโบราณเชื่อกันว่าคุณสมบัติพลอยตาเสือก็เหมือนกับตาแมวหรือตาเสือที่มีความสามารถมองเห็นได้ในความมืด หินชนิดนี้จะช่วยให้เรามองเห็นได้ในความมืดเช่นเดียวกันและยังช่วยขับไล่ขจัดปัดเป่าวิญญาณร้าย สิ่งไม่ดีต่าง ๆ และคุณไสยไม่ให้เข้ามาใกล้ตัวเราอีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยให้คนเรามีตาทิพย์ คือ มีดวงตาที่สามารถอยู่ภายในที่จะให้เรามองเห็นความเป็นมาเป็นไปของโลกได้อย่างแท้จริง
ด้านความเชื่อ
มีพลังเรื่องการปกป้องคุ้มครองสูง มีคุณสมบัติในด้านการพัฒนาญาณหยั่งรู้ของเราให้เกิดขึ้นในรูปของการมองเห็น คือ ตาทิพย์ หินชนิดนี้จะทำหน้าที่เปิดดวงตาที่สาม ถ้าเราสวมใส่พลอยตาเสือจะชล่วยให้เรามองเห็นพระเจ้าในรูปแบบที่เราคิด หรือในลักษณะที่เราอยากให้เป็น เหมาะกับการใช้นั่งสมาธิ มีพลังในด้านการบำบัดจิตใจสูง เป็นศูนย์รวมแห่งพลังความคิดและพลังของการจินตนาการ จะช่วยกระตุ้นพลังชีวิตและกระตุ้นพลังความคิดให้เกิดแรงบันดาลใจ นอกจากนี้คนโบราณยังเชื่อว่าหินชนิดนี้จะส่งผลดีต่อจิตใต้สำนึก ช่วยให้เราสามารถค้นหาสิ่งดี ๆ ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในตัวเราได้
ด้านการบำบัด
บรรเทาอาการปวดศีรษะอันเนื่องมาจากความเครียด ปวดท้อง หรือมีปัญหาระบบลำไส้ ซึ่งอาจจะเกิดจากความเครียด สวมใส่สร้อยคอที่ทำด้วยหินชนิดนี้แล้วจะสามารถบรรเทาอาการปวดให้คลายลงได้ เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย เป็นศูนย์รวมแห่งพลังความคิดและจินตนาการ เหมาะกับคนที่มีจิตใจเลื่อนลอย ไร้แก่นสาร หินชนิดนี้จะรวบรวมพลังเข้ามาสู่ตัวเราได้เหมือนเป็นการโฟกัสจุดให้กับเป้าหมายในชีวิต บางคนอาจทำงานหนักโดยไม่มีเป้าหมายหรือไม่มีแก่นสารที่แท้จริงว่าทำไปเพื่ออะไร หินชนิดนี้ก็จะช่วยให้เราหาจุดสมดุลของชีวิตตัวเองได้
เกี่ยวกับความฝัน
ใช้ในการขจัดปัดเป่าฝันร้าย ขับไล่วิญญาณร้ายไม่ให้มาใกล้และหากฝันเห็นหินชนิดนี้เปลี่ยนแปรสภาพเป็นบุบ ๆ เบี้ยว ๆ หรือตกแตก หินจะเตือนว่ากำลังอยู่ในช่วงของการมีเคราะห์ร้าย ให้ระวังตัว ถ้าฝันว่ามีคนนำหินของคุณไปทำมิดีมิร้าย ก็แปลว่าอาจจะถูกกระทำสิ่งไม่ดีต่าง ๆ ใส่ตัว ให้ทำบุญสะเดาะเคราะห์ร้าย
คำแนะนำ
วางไว้บนจักรสะดือ หรือจักรกลางลำตัว ช่วยทำให้พลังต่าง ๆ ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น ดึงดูดพลังดี ๆ ของโลกมาสู่ตัวเรา สวมใส่เป็นเครื่องประดับ หรือพกติดตัวไว้ก็มีพลังในการปกป้องคุ้มครองสูง
ข้อควรระวัง
ถ้าหินไม่ส่องแสงแวววาวให้เป็นในความมืดแปลว่าจะไม่ใช่พลอยตาเสือจริง ๆ ก็ได้หากรู้สึกว่าหินที่สวมใส่เกิดร้อนวูบขึ้นมา ให้แปลว่าหินกำลังเตือนให้คุณหยุดนิ่งสงบจิตใจหรือควรหาเวลานั่งสมาธิได้บ้างแล้ว
.............................................................................................................................
ที่มา: 1,2,3

สำหรับที่บ้านสุขสมบัติ (พ่อแม่ครูอาจารย์ตั้งให้) ท่านบอกว่าภาวนาในห้องพระนี้แหละสงบดี

ในค่ำคืนวันที่สอง(12 พ.ย.)ตอนดึกๆหน่อย...ท่านยังเมตตาบอกว่าองค์ที่มีพระวรกายสีขาวใส สวมสร้อยสังวาลย์สีทองท่านทรงเสด็จมา และมีเทพฝ่ายหญิงสวมชุดสีชมพูคอยดูแลที่นี่ให้ด้วย แล้วย้อนถามว่า...รู้จักมั๊ย...ว่าคือใคร?

ผมเดาไปครั้งที่หนึ่งไม่ถูก...เพราะไม่คาดคิดว่าการเดาครั้งสองนั่นจะใช่ เพราะท่านทรงประทับอยู่สูงจนยากจะอาจเอื้อมว่าเป็นท่าน...พ่อแม่ครูอาจารย์เลยอนุญาตให้เข้าไปดูในห้องพระ เพื่อหาสัญลักษณ์แล้วหาคำตอบกันเอง????

จากนั้นพวกเราก็ได้ขอเข้าไปในห้องพระ แล้วสำรวจตรวจตราว่าที่พ่อแม่ครูอาจารย์กล่าวถึงนั้น ตรงตามที่เราคิดว่าใช่สมเด็จ...และพระแม่...จริงหรือไม่...(ผมกับคุณแม่ชมตะโกนออกมาพร้อมๆกันว่าเป็นสมเด็จ....ด้วยความปีติยินดียิ่งนัก)

วันที่ผมเดินทางกลับจากการธรรมะสัญจร ผมเลยลองมานั่งภาวนาด้านหน้าตำแหน่งที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านนั่งภาวนาซึ่งผมจะวางอาสนะหมายตำแหน่งไว้(ชิดผนังพอดี)ไม่ให้ไปนั่งทับตำแหน่งท่านนั่ง ปรากฎว่า...ผมสัมผัสความรุนแรงหนักหน่วงร้อนวูบวาบไปทั้งศีรษะใบหน้า ผมทนไม่ไหว นั่งไปประมาณ 10 นาทีจึงขออนุญาตเข้านอนเลยครับ

ปล: ใครอยากรู้คำตอบก็ลองค้นๆดูภาพห้องพระที่บ้านผมดูนะครับ