วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

173: กายกับใจของเรา

เห็นอะไรก็ไม่สู้ เห็นกายกับใจของเรา
รู้อะไรก็ไม่สู้ รู้กายกับใจของเรา
จำแนกอะไรก็ไม่สู้ จำแนกกายกับใจของเรา
ฝึกอะไรก็ไม่สู้ ฝึกกายกับใจของเรา
ชนะอะไรก็ไม่สู้ ชนะกายกับใจของเรา
สละอะไรก็ไม่สู้ สละกายกับใจของเรา
วางอะไรก็ไม่สู้ วางกายกับใจของเรา
...ฯลฯ...

เช้านี้ทำวัตรสวดมนต์ตี 5 จากนั้นนั่งภาวนาไปได้สักพักจิตกึ่งสงบกึ่งตื่น
ก็ได้นิมิตเห็นหมาน้อยตัวน่ารักเชียว วิ่งเล่นเที่ยวจับนู่นนี่มาเล่นบนภูเขา
แล้วเธอก็ทิ้งขว้าง แล้วก็ไปเล่นอย่างอื่นต่อไปเรื่อยๆ อืม...ก็ดูเพลินดีนะ

แต่ด้วยความที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์สอนเรา นรธ.เสมอว่า...
เมื่อเธอทั้งหลายเห็นอะไร รู้อะไรแล้วก็จงน้อมนำมาเป็นอุบายธรรมสอนใจตนเองเสมอ
แล้วจงละวางมันเสีย

ก็ทำให้เราเห็นว่า อ๊อ...เจ้าหมาน้อยนี้มันเปรียบเหมือนใจของเราดีๆนิเอง ที่คอยวิ่งไล่
คอยเที่ยวหาอะไรต่างๆมาใส่อยู่เสมอ ไม่รู้จักเบื่อหน่าย และก็มีบางครั้งที่เสียเวลาอยู่กับสิ่งนั้นๆอยู่
ไม่ยอมวางได้เสียที นี่ก็เป็นเวลาต้องภาวนาแล้วนะ ทำไมจิตดวงนี้จึงคอยนำแต่เรื่องงาน ฯลฯ
มาทำให้วุ่นวายไม่สงบลงได้เสียทีหนอ...

ว่าแล้วก็นึกถึงองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ นึกถึงองค์พระพุทธเจ้า น้อมนำให้เป็นพุทธานุสสติ ธรรมานุสสติ สังฆานุสสติ
จิตดวงนี้ก็พลอยสงบลงได้ พลอยให้นึกถึงธรรมะต่างๆที่องค์ท่านเมตตาสอนพวกเราว่า

"รู้แล้ววาง วางทุกอย่างที่รู้ ไม่ต้องรู้ทุกอย่างจึงค่อยวาง"

นอกจากนั้นแล้ว ก็นึกถึงบางคนบางท่านมี (หรืออยากมี) หูทิพย์ ตาทิพย์ ฯลฯ
ธรรมอีกข้อก็ผุดมาสอนว่า "เห็นอะไรก็ไม่สู้ เห็นกายกับใจเรา" แถมมาอีก

สุดท้าย...เช้านี้จึงได้น้อมนำมาบอกกล่าวเล่าเรื่องแด่ญาติธรรมทั้งหลาย ไปขบคิดต่อไป

อนึ่ง...นี้เป็นเพียงข้อคิดทางธรรมของ นรธ.ระดับอนุบาลเท่านั้น จึงโปรดให้อภัยหากจะดูแปลกๆไปบ้างครับ

ข้าพระพุทธเจ้าจักน้อมนำธรรมะ มาลงสู่ในใจ ให้ใจเป็นธรรม ให้ธรรมเป็นใจ จนเป็นสิ่งเดียวกัน
ให้สมดั่งพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ ... ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่า...เห็นเราตถาคต (ที่แท้จริง)

ข้าพระพุทธเจ้าขอนอบน้อมกราบ กราบ กราบ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า
พระอริยสงฆเจ้า องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ด้วยความเคารพเหนือเศียรเกล้า

ขอเจริญในธรรม
IT Man/05.09.55