อย่าพึ่งเชื่อ โปรดใช้วิจาณญาณในการอ่าน
IT Man/09.08.56
ดร.นนต์:เมื่อวานนี้, 08:08 AM#5364
หลายๆคน ถึงแล้ว และรู้เองแล้ว เพียงแต่ระดับของภูมิธรรมต่างกันไป ปรมัตถบารมีที่เต็มแล้ว ย่อมได้รับความสงเคราะห์จากพระเบื้องบนให้เรารู้ตื่น รู้ตัว รู้ปฏิบัติ รู้เบิกบาน รู้จิต รู้ธรรม รู้สิ่งเหนือโลก รู้มรรค รู้ผล รู้อารียะ .....และ รู้ทางพระนิพพานที่กำลังรอพวกเราอยู่ทุกขณะจิต.....
เมื่อทุกท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านับหมื่นนับแสนพระองค์แล้ว ก็จงตระหนักต่อภาระหน้าที่ของตัวเองให้มั่นคือ การทำตัวให้หลุดพ้นจากวัฏฏะสงสารเสียก่อน เมื่อพ้นแล้วก็จงย้อนกลับมาช่วยผู้ที่อยู่ตามหลัง ลูกของพระพุทธเจ้าย่อมไม่เบื่อหน่ายต่อการสร้างบุญกุศลและบารมี เต็มแล้วเต็มอีก ดูดั่งพระพุทธเจ้าแม้พระองค์จะพ้นสภาพจากความสมมุติไปแล้ว แต่พระพุทธองค์ทั้งหลายก็ยังมีพระเมตตาเสด็จลงมาโปรดโลกมิเคยเบื่อหน่าย มาแล้วมาอีก ตราบใดที่ลูกๆของพระพุทธองค์ยังไม่พ้นไปจากสภาวะของโลก สภาวะของสิ่งสมมุติทั้งหลาย เมื่อได้ตระหนักแล้ว ก็ขอให้ทุกท่านจงเจริญรอยตามพระพุทธองค์เถิด ความสงบร่มเย็นแห่งอมตะนิพพานก็จะบังเกิดขึ้น
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
10 ตุลาคม 2554
dr.natdhnond@gmail.com
.......................................................................................................
วิชา "จิตรู้" ความมหัศจรรย์แห่งจิต
ดร.นนต์
10 ตุลาคม 2554
สภาวะของจิตรู้ คือสภาวะของการรับรู้เรื่องราวของสิ่งที่อยู่เหนือโลก คือสภาวะที่อยู่เหนือกว่าการรับรู้เรื่องราวของบุคคลผู้เป็นปุถุชนหรือสามัญชนทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่เรามักพบเห็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษนี้เฉพาะในกลุ่มพระอริยเจ้า ผู้ปฏิบัติธรรม ผู้มีองค์ญาณบารมี ร่างทรง เป็นต้น
แต่สภาวะของการรับรู้ทางจิตอีกวิธีหนึ่งที่ ดร.ณัฐชัย เลิศรัตนพล เรียกว่า วิชาจิตรู้ ซึ่งเป็นสภาวะของบุคคลที่ได้บำเพ็ญบารมีอยู่ในขั้นปรมัตถบารมีมาแล้ว และเป็นสภาวะเฉพาะของ "ปรมัตถบารมีบุคคล" ที่พึงได้รับพรหรือการสงเคราะห์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น สภาวะของบุคคลเหล่านี้ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้บำเพ็ญเพียรบารมีในภพนี้มาได้ระยะหนึ่ง เมื่อครบวงรอบที่จะเข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลคือ ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป ก็จะได้รับพระเมตตาจากพระเบื้องบนให้ได้เรียนรู้วิชาจิตรู้นี้ เมื่อมีสภาวะของจิตรู้เกิดขึ้น ความเชื่อความศรัทธาต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ต่อพระธรรม ต่อพระอริยสงฆ์ ย่อมเกิดขึ้นจากหัวจิตหัวใจ ไม่ลังเลสงสัยอีกต่อไป
หลังจากนั้น จึงนำไปสู่พิธีการอธิษฐานจิตขอรวมบุญกุศลทุกๆกอง ที่เราได้บำเพ็ญเพียรมาตั้งแต่ต้นธาตุ อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ มาเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเป็นการต่อยอดบุญบารมี เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติให้หลุดพ้นในภพสุดท้ายนี้ และขอให้พระเบื้องบนที่ได้เสด็จมาจำนวนมาก ได้โปรดอนุโมทนาในจิตอธิษฐานในครั้งนี้
ต่อมาคือ การยกหนี้สินใดๆไม่ว่าจะเป็นวัตถุทรัพย์สินเงินทองหรือหนี้ชีวิตแก่ลูกหนี้ในอดีตชาติทั้งหมดนับตั้งแต่วินาทีนี้ แล้วขอพระเบื้องบนได้โปรดอนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วยเทอญ
ขั้นตอนต่อมาคือ การอธิษฐานจิตขอลาพุทธภูมิ(แม้จะรู้ว่าเคยปรารถนาไว้หรือไม่ก็ตาม) ลงมาเหลือแค่ขอปรารถนาเป็นสาวกภูมิเท่านั้น ต่อมาจึงขอถอนจิตสัจจะสัญญาใดๆ ที่เป็นฝ่ายมิจฉาทิฏฐิ(อกุศล)ทั้งหมดตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน แม้จะได้ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม และจะขอยังไว้เฉพาะสัจจะสัญญาใดๆที่เป็นฝ่ายสัมมาทิฏฐิ(กุศล)เท่านั้น หรือจะยังคงไว้เฉพาะพระนิพพานอย่างเดียวก็ได้ และข้าพระพุทธเจ้าจะขอชำระหนี้การผิดสัจจะสัญญานี้ด้วยการขอถวายสังฆทานจำนวนแปดกอง (อย่างน้อยกองละ 100 บาท) เมื่อขอถอนจิตสัจจะสัญญาใดๆแล้ว ก็ขอให้พระเบื้องบนที่เสด็จลงมาจำนวนมาก ได้โปรดอนุทนาบุญในการอธิษฐานจิตครั้งนี้ด้วย จึงจักเกิดผลทันที
ในวาระต่อมา เป็นการขอรวมบุญกุศลใดๆที่เราได้กระทำแล้วทุกภพทุกชาติ มาเพื่ออุทิศถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันต์เจ้า และครูอาจารย์สืบต่อมาทุกๆพระองค์ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา หลังจากนั้นจึงอุทิศถวายแด่พรหมเทวดาทั้งหลาย บิดามารดาทุกภพทุกชาติ ญาติพี่น้องทุกภพทุกชาติ ญาติธรรมทุกภพทุกชาติ ครูอาจารย์ทุกภพทุกชาติ เพื่อขอตัดภพตัดชาติเพื่อเข้าสู่พระนิพพานในภพนี้ นับตั้งแต่วินาทีนี้ และยังขออุทิศบุญให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และ..............จนกว่าจะหมด แล้วโน้มจิตถึงพระเบื้องบนที่เสด็จลงมา ได้โปรดอนุทนาบุญของข้าพระพุทธเจ้าในครั้งนี้ด้วยเทอญ
เมื่อกระบวนการข้างต้นเสร็จสิ้น เป็นเสมือนการปลดล็อคสภาวะจิตที่เราผูกมัดหรือผูกพันมาหลายภพหลายชาติ ญาณบารมีดั้งเดิมที่เต็มแล้ว เมื่อถูกปลดล็อคก็ย่อมหลั่งไหลออกมาทันที ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับบุญบารมีดั้งเดิมและบุญบารมีใหม่ที่ได้สั่งสมมาในภพชาตินี้ เมื่อครบวงรอบของสภาวะธรรมขั้นใดแล้ว ย่อมส่งผลให้บุคคลนั้นบรรลุธรรมในชั้นนั้นทันที นี่แหละคือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคต้นหลังกึ่งกลางพุทธกาลตั้งแต่ ปี 2500 เป็นต้นมา จึงเรียกว่า "ยุคศรีอารียะ" นั่นเอง
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า บุคคลที่ได้รับรู้วิชา "จิตรู้" แล้ว จะส่งผลต่อการปฏิบัติธรรมเพื่อเลื่อนระดับความเป็นอริยบุคคล จึงเป็นไปแบบก้าวกระโดด (เป็นแบบเหลือเชื่อสำหรับบุคคลทั่วไป) การบรรลุธรรมอาจเป็นไปแบบนาที แบบชั่วโมง แบบวัน ไม่เนิ่นนานอย่างที่เราเข้าใจ แต่จะเกิดขึ้นได้เฉพาะบุคคลขั้นปรมัตถบารมีเท่านั้น ผู้ที่รู้ตื่น รู้ตัว รู้ปฏิบัติ ย่อมรู้ทาง(ลัด)ในการตัดเข้าพระนิพพานในขบวนรถไฟใกล้ขบวนสุดท้ายได้ ขอให้ท่านลองพิจารณาดูตัวเองเถิดว่า เป็นผู้ที่รู้ตื่น รูตัวแล้วหรือยัง
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
.......................................................................................................
วิชชา "จิตรู้" เป็นการถ่ายทอดเฉพาะบุคคล มิสามารถถ่ายทอดออกสู่สาธารณชนได้ ทุกสิ่งจะบังเกิดขึ้นด้วยกาลอันควร บุคคลอันควร สถานที่อันควร และวาระเงื่อนไขอันควร ที่พระเบื้องบนท่านจะประทานความเมตตาลงมา มิใช่ใครๆก็ทำได้ และผู้ที่กระทำได้ก็มิใช่ผู้วิเศษ แต่เป็นบุคคลธรรมดาที่พ้นสภาวะของความธรรมดา คือ เป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่ปรารถนาเพื่อเจริญรอยตามเบื้องบาทของพระพุทธองค์ เป็นผู้ที่ปรารถนาพระนิพพาน เป็นผู้ที่ปรารถนาเพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนา และเป็นผู้ที่มีจิตอันเป็นกุศลล้วนๆ หากผู้ใดจะปรารถนาเฉพาะความร่ำรวยหรือแสดงออกถึงกิเลสฝ่ายอกุศลแล้วไซร้ ก็มิอาจเข้าถึงวิชชาจิตรู้นี้ได้ ดังนั้น วิชชาจิตรู้นี้ จึงเป็นวิชชาอันเป็นมงคลของผู้ที่เป็นมงคลเท่านั้น และผู้ที่จะสามารถเข้าถึงวิชชานี้ได้ ก็ต้องปฏิบัติภาวนาสมาธิจนเกิดญาณทัศนะได้ในระดับหนึ่งมาแล้ว หากผู้ใดปรารถนาจะเข้าถึงวิชชานี้ ก็จงตั้งจิต ตั้งใจ ตั้งปณิธานต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วน้อมนำเอาคำสอนไปประพฤติปฏิบัติ เมื่อถึงเวลาของท่าน ฟ้าก็ปิดไม่อยู่
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
11 ตุลาคม 2554
.......................................................................................................
2555 เป็นปีแห่งวิกฤตและโอกาส
ปี 2555 ภัยทางน้ำจะมีมากกว่าปีนี้คือ หนักมากๆๆๆ.... ขณะเดียวกัน ผู้มีปัญญา ผู้มีบุญบารมี จะได้ใช้โอกาสวิกฤตนี้ช่วยสงเคราะห์ผู้ที่ได้รับความทุกข์ยาก....
ผู้ที่ทำได้ กำลังเร่งเข้าสู่ความหลุดพ้น..... ยุคศรีอารียะ.....Sriariya กำลังจะเข้ามา..... ยุคทองของผู้บรรลุธรรม ยุคของอริยบุคคลกำลังปรากฏขึ้น.... การบรรลุธรรมของปรมัตถบุคคลเป็นไปอย่างก้าวกระโดด..... ความเหนือโลกเป็นไปแบบก้าวกระโดด...... พระเบื้องบน(พระพุทธเจ้า)เสด็จลงมาโปรดและอนุโมทนากับผู้ที่จะสำเร็จอริยบุคคล บางวาระนับเป็นแสนๆพระองค์.....
วิชชา "จิตรู้" ได้บังเกิดขึ้นกับอริยบุคคลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และเป็นแบบก้าวกระโดด ด้วยพลานุภาพแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างหาที่สุดและประมาณมิได้ "พุทโธอัปปมาโน" จึงรับรู้ในเหล่าพุทธวงศ์ผู้เป็นลูกๆของพระพุทธองค์..... ท่านทั้งหลาย จงน้อมนำเอาคำสอนของพระพุทธองค์มาประพฤติปฏิบัติกันเถิด "ความไม่ประมาท" ที่พระพุทธองค์ตรัสสอนพวกเราไว้นั้น ยังจริงแท้แน่นอน และยิ่งเหมาะกับวิกฤตการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นและกำลังจะบังเกิดขึ้นในอนาคต.....
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
11 ตุลาคม 2554
.......................................................................................................
เมื่อทุกท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านับหมื่นนับแสนพระองค์แล้ว ก็จงตระหนักต่อภาระหน้าที่ของตัวเองให้มั่นคือ การทำตัวให้หลุดพ้นจากวัฏฏะสงสารเสียก่อน เมื่อพ้นแล้วก็จงย้อนกลับมาช่วยผู้ที่อยู่ตามหลัง ลูกของพระพุทธเจ้าย่อมไม่เบื่อหน่ายต่อการสร้างบุญกุศลและบารมี เต็มแล้วเต็มอีก ดูดั่งพระพุทธเจ้าแม้พระองค์จะพ้นสภาพจากความสมมุติไปแล้ว แต่พระพุทธองค์ทั้งหลายก็ยังมีพระเมตตาเสด็จลงมาโปรดโลกมิเคยเบื่อหน่าย มาแล้วมาอีก ตราบใดที่ลูกๆของพระพุทธองค์ยังไม่พ้นไปจากสภาวะของโลก สภาวะของสิ่งสมมุติทั้งหลาย เมื่อได้ตระหนักแล้ว ก็ขอให้ทุกท่านจงเจริญรอยตามพระพุทธองค์เถิด ความสงบร่มเย็นแห่งอมตะนิพพานก็จะบังเกิดขึ้น
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
10 ตุลาคม 2554
dr.natdhnond@gmail.com
.......................................................................................................
วิชา "จิตรู้" ความมหัศจรรย์แห่งจิต
ดร.นนต์
10 ตุลาคม 2554
สภาวะของจิตรู้ คือสภาวะของการรับรู้เรื่องราวของสิ่งที่อยู่เหนือโลก คือสภาวะที่อยู่เหนือกว่าการรับรู้เรื่องราวของบุคคลผู้เป็นปุถุชนหรือสามัญชนทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่เรามักพบเห็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษนี้เฉพาะในกลุ่มพระอริยเจ้า ผู้ปฏิบัติธรรม ผู้มีองค์ญาณบารมี ร่างทรง เป็นต้น
แต่สภาวะของการรับรู้ทางจิตอีกวิธีหนึ่งที่ ดร.ณัฐชัย เลิศรัตนพล เรียกว่า วิชาจิตรู้ ซึ่งเป็นสภาวะของบุคคลที่ได้บำเพ็ญบารมีอยู่ในขั้นปรมัตถบารมีมาแล้ว และเป็นสภาวะเฉพาะของ "ปรมัตถบารมีบุคคล" ที่พึงได้รับพรหรือการสงเคราะห์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น สภาวะของบุคคลเหล่านี้ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้บำเพ็ญเพียรบารมีในภพนี้มาได้ระยะหนึ่ง เมื่อครบวงรอบที่จะเข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลคือ ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป ก็จะได้รับพระเมตตาจากพระเบื้องบนให้ได้เรียนรู้วิชาจิตรู้นี้ เมื่อมีสภาวะของจิตรู้เกิดขึ้น ความเชื่อความศรัทธาต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ต่อพระธรรม ต่อพระอริยสงฆ์ ย่อมเกิดขึ้นจากหัวจิตหัวใจ ไม่ลังเลสงสัยอีกต่อไป
หลังจากนั้น จึงนำไปสู่พิธีการอธิษฐานจิตขอรวมบุญกุศลทุกๆกอง ที่เราได้บำเพ็ญเพียรมาตั้งแต่ต้นธาตุ อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ มาเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเป็นการต่อยอดบุญบารมี เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติให้หลุดพ้นในภพสุดท้ายนี้ และขอให้พระเบื้องบนที่ได้เสด็จมาจำนวนมาก ได้โปรดอนุโมทนาในจิตอธิษฐานในครั้งนี้
ต่อมาคือ การยกหนี้สินใดๆไม่ว่าจะเป็นวัตถุทรัพย์สินเงินทองหรือหนี้ชีวิตแก่ลูกหนี้ในอดีตชาติทั้งหมดนับตั้งแต่วินาทีนี้ แล้วขอพระเบื้องบนได้โปรดอนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วยเทอญ
ขั้นตอนต่อมาคือ การอธิษฐานจิตขอลาพุทธภูมิ(แม้จะรู้ว่าเคยปรารถนาไว้หรือไม่ก็ตาม) ลงมาเหลือแค่ขอปรารถนาเป็นสาวกภูมิเท่านั้น ต่อมาจึงขอถอนจิตสัจจะสัญญาใดๆ ที่เป็นฝ่ายมิจฉาทิฏฐิ(อกุศล)ทั้งหมดตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน แม้จะได้ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม และจะขอยังไว้เฉพาะสัจจะสัญญาใดๆที่เป็นฝ่ายสัมมาทิฏฐิ(กุศล)เท่านั้น หรือจะยังคงไว้เฉพาะพระนิพพานอย่างเดียวก็ได้ และข้าพระพุทธเจ้าจะขอชำระหนี้การผิดสัจจะสัญญานี้ด้วยการขอถวายสังฆทานจำนวนแปดกอง (อย่างน้อยกองละ 100 บาท) เมื่อขอถอนจิตสัจจะสัญญาใดๆแล้ว ก็ขอให้พระเบื้องบนที่เสด็จลงมาจำนวนมาก ได้โปรดอนุทนาบุญในการอธิษฐานจิตครั้งนี้ด้วย จึงจักเกิดผลทันที
ในวาระต่อมา เป็นการขอรวมบุญกุศลใดๆที่เราได้กระทำแล้วทุกภพทุกชาติ มาเพื่ออุทิศถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันต์เจ้า และครูอาจารย์สืบต่อมาทุกๆพระองค์ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา หลังจากนั้นจึงอุทิศถวายแด่พรหมเทวดาทั้งหลาย บิดามารดาทุกภพทุกชาติ ญาติพี่น้องทุกภพทุกชาติ ญาติธรรมทุกภพทุกชาติ ครูอาจารย์ทุกภพทุกชาติ เพื่อขอตัดภพตัดชาติเพื่อเข้าสู่พระนิพพานในภพนี้ นับตั้งแต่วินาทีนี้ และยังขออุทิศบุญให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และ..............จนกว่าจะหมด แล้วโน้มจิตถึงพระเบื้องบนที่เสด็จลงมา ได้โปรดอนุทนาบุญของข้าพระพุทธเจ้าในครั้งนี้ด้วยเทอญ
เมื่อกระบวนการข้างต้นเสร็จสิ้น เป็นเสมือนการปลดล็อคสภาวะจิตที่เราผูกมัดหรือผูกพันมาหลายภพหลายชาติ ญาณบารมีดั้งเดิมที่เต็มแล้ว เมื่อถูกปลดล็อคก็ย่อมหลั่งไหลออกมาทันที ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับบุญบารมีดั้งเดิมและบุญบารมีใหม่ที่ได้สั่งสมมาในภพชาตินี้ เมื่อครบวงรอบของสภาวะธรรมขั้นใดแล้ว ย่อมส่งผลให้บุคคลนั้นบรรลุธรรมในชั้นนั้นทันที นี่แหละคือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคต้นหลังกึ่งกลางพุทธกาลตั้งแต่ ปี 2500 เป็นต้นมา จึงเรียกว่า "ยุคศรีอารียะ" นั่นเอง
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า บุคคลที่ได้รับรู้วิชา "จิตรู้" แล้ว จะส่งผลต่อการปฏิบัติธรรมเพื่อเลื่อนระดับความเป็นอริยบุคคล จึงเป็นไปแบบก้าวกระโดด (เป็นแบบเหลือเชื่อสำหรับบุคคลทั่วไป) การบรรลุธรรมอาจเป็นไปแบบนาที แบบชั่วโมง แบบวัน ไม่เนิ่นนานอย่างที่เราเข้าใจ แต่จะเกิดขึ้นได้เฉพาะบุคคลขั้นปรมัตถบารมีเท่านั้น ผู้ที่รู้ตื่น รู้ตัว รู้ปฏิบัติ ย่อมรู้ทาง(ลัด)ในการตัดเข้าพระนิพพานในขบวนรถไฟใกล้ขบวนสุดท้ายได้ ขอให้ท่านลองพิจารณาดูตัวเองเถิดว่า เป็นผู้ที่รู้ตื่น รูตัวแล้วหรือยัง
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
.......................................................................................................
วิชชา "จิตรู้" เป็นการถ่ายทอดเฉพาะบุคคล มิสามารถถ่ายทอดออกสู่สาธารณชนได้ ทุกสิ่งจะบังเกิดขึ้นด้วยกาลอันควร บุคคลอันควร สถานที่อันควร และวาระเงื่อนไขอันควร ที่พระเบื้องบนท่านจะประทานความเมตตาลงมา มิใช่ใครๆก็ทำได้ และผู้ที่กระทำได้ก็มิใช่ผู้วิเศษ แต่เป็นบุคคลธรรมดาที่พ้นสภาวะของความธรรมดา คือ เป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่ปรารถนาเพื่อเจริญรอยตามเบื้องบาทของพระพุทธองค์ เป็นผู้ที่ปรารถนาพระนิพพาน เป็นผู้ที่ปรารถนาเพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนา และเป็นผู้ที่มีจิตอันเป็นกุศลล้วนๆ หากผู้ใดจะปรารถนาเฉพาะความร่ำรวยหรือแสดงออกถึงกิเลสฝ่ายอกุศลแล้วไซร้ ก็มิอาจเข้าถึงวิชชาจิตรู้นี้ได้ ดังนั้น วิชชาจิตรู้นี้ จึงเป็นวิชชาอันเป็นมงคลของผู้ที่เป็นมงคลเท่านั้น และผู้ที่จะสามารถเข้าถึงวิชชานี้ได้ ก็ต้องปฏิบัติภาวนาสมาธิจนเกิดญาณทัศนะได้ในระดับหนึ่งมาแล้ว หากผู้ใดปรารถนาจะเข้าถึงวิชชานี้ ก็จงตั้งจิต ตั้งใจ ตั้งปณิธานต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วน้อมนำเอาคำสอนไปประพฤติปฏิบัติ เมื่อถึงเวลาของท่าน ฟ้าก็ปิดไม่อยู่
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
11 ตุลาคม 2554
.......................................................................................................
2555 เป็นปีแห่งวิกฤตและโอกาส
ปี 2555 ภัยทางน้ำจะมีมากกว่าปีนี้คือ หนักมากๆๆๆ.... ขณะเดียวกัน ผู้มีปัญญา ผู้มีบุญบารมี จะได้ใช้โอกาสวิกฤตนี้ช่วยสงเคราะห์ผู้ที่ได้รับความทุกข์ยาก....
ผู้ที่ทำได้ กำลังเร่งเข้าสู่ความหลุดพ้น..... ยุคศรีอารียะ.....Sriariya กำลังจะเข้ามา..... ยุคทองของผู้บรรลุธรรม ยุคของอริยบุคคลกำลังปรากฏขึ้น.... การบรรลุธรรมของปรมัตถบุคคลเป็นไปอย่างก้าวกระโดด..... ความเหนือโลกเป็นไปแบบก้าวกระโดด...... พระเบื้องบน(พระพุทธเจ้า)เสด็จลงมาโปรดและอนุโมทนากับผู้ที่จะสำเร็จอริยบุคคล บางวาระนับเป็นแสนๆพระองค์.....
วิชชา "จิตรู้" ได้บังเกิดขึ้นกับอริยบุคคลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และเป็นแบบก้าวกระโดด ด้วยพลานุภาพแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างหาที่สุดและประมาณมิได้ "พุทโธอัปปมาโน" จึงรับรู้ในเหล่าพุทธวงศ์ผู้เป็นลูกๆของพระพุทธองค์..... ท่านทั้งหลาย จงน้อมนำเอาคำสอนของพระพุทธองค์มาประพฤติปฏิบัติกันเถิด "ความไม่ประมาท" ที่พระพุทธองค์ตรัสสอนพวกเราไว้นั้น ยังจริงแท้แน่นอน และยิ่งเหมาะกับวิกฤตการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นและกำลังจะบังเกิดขึ้นในอนาคต.....
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
11 ตุลาคม 2554
.......................................................................................................