วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

225: มงคลนิมิตของการได้อัญเชิญพระเกศแก้ว

 มงคลนิมิตของการได้อัญเชิญพระเกศแก้ว
บูชาพระธรรมของพระพุทธเจ้า

"พระพุทธเกศแก้วเกศาธรรม" 

"พระพุทธเกศแก้วเกศาธรรม" 

พระเกศแก้ว

พระเกศแก้ว


พระแก้วโป่งข่าม

ย้อนไปเมื่อรุ่งเช้าวันอาทิตย์ที่ 18 พ.ค. 2556 (ก่อนหน้านั้น 2-3 วันข้าพเจ้าได้กลิ่นหอมอ่อนๆโชยมาเสมอๆ) ได้นิมิตฝันว่า มีญาติธรรมขึ้นมากราบพระในห้องพระเป็นจำนวนมาก ทั้งภายนอกบริเวณบ้านและภายในห้องพระประดับประดาด้วยผ้าสีทองกับสีแดง (ที่ทำเป็นรูปดอกไม้) เหมือนเทศกาลตรุษจีนย่านเยาวราช 

ที่สำคัญคือข้าพเจ้าได้ถวายการรับใช้องค์พ่อแม่ครูอาจารย์อยู่ ณ ที่นั้นอีกด้วย 

จากนั้นก็ตื่นขึ้นมา จิตแรกผุดขึ้นว่า สงสัยวันนี้เราจักได้ของดีไปน้อมถวายองค์ครูบาอาจารย์เป็นแน่ เพราะวาระวิสาขบูชา 24 พ.ค. 56 นี้ยังไม่ได้เตรียมอะไรไปถวายองค์ท่านเลย

พอข้าพเจ้าทำธุระเสร็จ ในช่วงบ่ายๆ จึงได้ออกเดินทางไปตลาดพลอย  ได้ที่จอดรถพอดี ก็เดินเข้าไปร้านเจ้าประจำพอนั่งเรียบร้อย เจ้าของร้านจึงนำเกศแก้วออกมาเสนอให้ ทั้งๆที่แต่ก่อนไม่เคยปรากฏว่ามีมา พิจารณาดูแล้วเป็นแก้วหินใสอัญมณีธรรมชาติขนาดใหญ่ที่หาได้ค่อนข้างยาก (คุณรัศมี เจ้าของร้านเพชรแห่งหนึ่งในมาบุญครอง พิจารณาดูแล้วน่าจะมีมูลค่าถึงหลักแสนและเรียกกันว่า Smoky Topaz แต่ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะเป็น WHITE TOPAZ  มากกว่า / ตอนนี้คุณรัศมีได้อัญเชิญไปทำฐานทองรองรับองค์เกศแก้วนี้แล้ว) พอเจรจาราคาเสร็จ เจ้าของร้านก็บอกว่าถ้าเราไม่เอาไปวันนี้ เดี๋ยวตอนเย็นก็จะเอาไปที่อื่นแล้ว ข้าพเจ้าเลยถามว่า เป็นผู้หญิงใช่มั๊ยที่เป็นเจ้าของ เขาบอกว่า ใช่ๆ เขาเอามาฝากขายตั้งแต่เมื่อเช้านี้ (ตอนนี้อยู่ฝั่งพม่า) 

สรุปว่าข้าพเจ้าได้เกศแก้วนี้ไปถวายองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ และจากนั้นก็เดินไปร้านใกล้กัน ก็ได้พระพุทธรูปแก้วใสมาอีก 3 องค์ (ขออัญเชิญบูชาไว้ที่บ้าน 1 องค์) เป็นว่าเสร็จกิจ

วันพฤหัสบดีที่ 23 พ.ค. 2556 จึงได้เดินทางไกล 700 กว่าโลไปยังพุทธสถานภูดานไห เพื่อร่วมงานวิสาขบูชา ไปถึงวัดราวๆ 1 ทุ่ม ข้าพเจ้ากับญาติธรรมทั้งหลายจึงได้ร่วมกันอัญเชิญพระเสโทธาตุ พระเกศแก้ว และพระพุทธรูป 2 องค์ น้อมถวายแด่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช องค์ท่านพิจารณาดูร่วมกับญาติโยม ลงความเห็นว่า ไม่น่าจะได้มาง่ายๆ ช่างเป็นเหตุบังเอิญที่องค์ท่านพิจารณาอยู่ว่าจะหาอะไรมาประดิษฐานเป็นพระเกศขององค์พระประธานที่กำลังก่อสร้างอยู่นี้ เมื่อได้เกศแก้วนี้มาก็พอดีกับว่า เดิมทีพุทธสถานภูดานไห จะสร้างวัดและเจดีย์โดยมีนามว่า วัด/เจดีย์เกศแก้วเกศาธรรม 

อีกอย่างคือแก้วเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งมงคลสูงสุด ที่มักจะประดิษฐานเป็นพระเกศของพระพุทธรูปเพื่อเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ ส่วนเมืองพระนิพพาน ท่านก็มักเรียกกันว่า "เมืองแก้วพระนิพพาน" องค์พ่อแม่ครูอาจารย์จึงพิจารณาถวายพระนามของพระพุทธรูปองค์พระประธานแห่งพุทธสถานภูดานไหนี้ว่า


"พระพุทธเกศแก้วเกศาธรรม" 
ให้เรียกชื่อทั่วไปว่า 
"หลวงปู่ใหญ่ล้านบารมี"

ทั้งหลายทั้งปวงนี้เชื่อมั่นว่าเหล่าทวยเทพเทวาคงน้อมนำมาถวายและมาดลใจให้ได้อัญเชิญองค์พระเกศแก้วองค์นี้ เพื่อน้อมบูชาพระคุณพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องในวาระวันวิสาขบูชา 2556 และด้วยบารมีแห่งองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช เป็นแน่แท้

ขอนอบน้อมกราบ กราบ กราบ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลายด้วยเศียรเกล้า




ขอนอบน้อมกราบ กราบ บูชาพระคุณแด่คุณบิดามารดา ผู้มีพระคุณ 
เหล่าทวยเทพเทวา พระอินทร์ พระพรหมทั้งหลาย
ที่ได้ร่วมสร้างบุญกุศลใหญ่ในวาระนี้ร่วมกัน

บุญกุศลนี้จงบังเกิดแก่ญาติธรรมที่รับรู้และโมทนาจงทุกประการเทอญฯ

นรธ.สมบัติ เพ็งพล
IT Man/30.05.56

วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

224: เคล็ดลับการผจญความเครียด


เคล็ดลับการผจญความเครียด - ฉบับประยุกต์ของข้าน้อยเอง - ไม่สงวนลิขสิทธิ์

1. มองโลกในแง่ดี ในทุกๆมุมแบบกลมๆเสมอ มองเห็นคุณค่าแห่งความไม่ดีด้วย เหมือนหลวงวิจิตรวาทการท่านว่าไว้ "เป็นการง่ายยิ้มได้ไม่ต้องฝืน เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์ แต่คนที่ควรชมนิยมกัน ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา"



2. ยิ้มเสมอ แม้กระทั่งตอนหลับตานั่งสมาธิ ก็ทำใบหน้าแย้มยิ้มน้อยๆเหมือนพระพุทธปฏิมากร

3. จำได้มั๊ย? ท่านพระอาจารย์พยอมสอนไว้ตั้งแต่ยังฮอตๆ ผมยังเรียนมัธยมต้นอยู่เลย "โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า เกลียดขี้หน้า อาฆาตเขา ก็เท่ากับจุดไฟ เผาใจเราเอง"

4. หากเครียดกับคนหรืองาน ก็ให้มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งมีภาวะความเครียดสูง เราก็ยิ่งได้รับภูมิคุ้มกันสูงไปด้วย

5. รู้จักพักผ่อนสมองบ้าง สิ่งที่ช่วยทำให้ความเครียดของผมเบาบางได้เร็วที่สุดก็คือ พูดคุยหรือเห็นหน้าผู้เฒ่าผู้แก่ เด็กน้อยๆ คนยาก หมา แมว สื่งต่างๆเหล่านี้เรามีเมตตาให้กับเขา เราอยู่ใกล้ก็ไม่เครียด ไม่เกรงใจ ไม่เขิน etc...

6. ฟังเพลงเบาๆ ไพเราะ ที่เราชอบ ผมเป็นคนที่ฟังเพลงได้แทบทุกแนว ยกเว้นแนวกระโชกโฮกฮาก หรือไม่จรรย์โลงใจ รวมความไปถึงหนังแนวป่าเถื่อนด้วย

7. หลีกหนีภาวะที่อาจทำให้เครียดแบบซ้ำซ้อน

8. วิ่งเข้าหาแหล่งธรรมชาติ เป็นต้นว่า ภูเขา น้ำตก วัดวาอาราม ให้บ่อยเข้าไว้

9. หากเครียด จากภาวะเศรษฐกิจ ก็ต้องพยายามวิ่งเข้าหาความพอดี ความพอเพียงเข้าไว้ อย่าพยายามสร้างหนี้ให้เกินตัว

10. อื่นๆ หากพี่ๆเพื่อนๆท่านใดจะเมตตาเสริมให้

สิ่งเหล่านี้ทำเป็นประจำ จะกลายเป็นธรรมชาติของตัวเราในที่สุดครับผม

เมื่อ : 10-12-2010, 10:01 PM

วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

223: คำอธิษฐานในบุญของข้าพเจ้า




พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย เวลาเข้าวัดทำบุญสร้างกุศลและสร้างบารมี ต่างก็มีความปรารถนาที่แตกต่างกันตามภูมิรู้ภูมิธรรมของแต่ละคนไป ทั้งนี้ก็ไม่ได้จำเพาะแต่ชาวพุทธ ยังกินความรวมถึงชาวต่างศาสนา ผู้นับถือผีสางเทวดา ผู้ไม่มีศาสนา อีกทั้งผู้ที่ยังเสวยผลกรรมอยู่อบายภูมิทั้งสี่ ต่อให้ตั้งความปรารถนาไปต่างๆนานา ไม่ว่าจะกี่ภพชาติ...สุดท้ายเมื่อบุญบารมีมากพอแล้วก็จะรู้ว่า เป้าหมายความปรารถนาสูงสุดของตนมีเพียงหนึ่งเดียวคือ "ความพ้นทุกข์" ด้วยกันทั้งสิ้น ข้าพเจ้าจึงยินดีที่จะแบ่งปันคำอธิษฐานเวลาทำบุญ พอเป็นแนวทางดังนี้


"ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญกุศลนี้บูชาคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ 
ขอบูชาคุณบิดามารดา ครูอุปัชฌาอาจารย์ เทพเทวา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ นาค ครุฑ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์แลผู้มีพระคุณทั้งหลาย 
ขออุทิศผลบุญแด่ท่านผู้มีพระคุณ ท่านเจ้ากรรมนายเวร สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัมภเวสี และสัตว์เดรัจฉาน 
ขอท่านทั้งหลายหากได้รับรู้ในบุญกุศลของข้าพเจ้า ขอได้โปรดโมทนาสาธุในบุญกุศลของข้าพเจ้าด้วยเถิด
อานิสงค์ผลบุญนี้ ขอจงเป็นพลวปัจจัย เป็นนิสสัยตามส่งให้ข้าพเจ้ามีกำลังสติปัญญาญาณ รู้แจ้งเห็นจริงในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ตราบจนเข้าสู่ความพ้นทุกข์คือพระนิพพานในปัจจุบันและอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญฯ นิพพานะ ปัจจโย โหตุ"


สามารถแยกย่อยเป็น 2.บูชาคุณ 1.อุทิศผล 1.คำอธิษฐาน ดังนี้
1. น้อมบูชาคุณแด่พระพุทธเจ้า เพราะพระองค์ทรงมีพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และมหากรุณาธิคุณ ต่อเหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลาย (มีคุณ 56 ประการ) , บูชาคุณแด่คุณพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ที่ทรงแสดงให้เวไนยสัตว์ได้ปฏิบัติตามเพื่อเข้าถึงความพ้นทุกข์ (มีคุณ 38 ประการ) และบูชาคุณแด่คุณพระสงฆ์ผู้น้อมนำพระธรรมคำสั่งสอนมาปฏิบัติเผยแพร่และท่านเป็นเนื้อนาบุญของโลก (มีคุณ 14 ประการ รวม 108 ประการ)


2. บูชาพระคุณระดับรองๆลงมาเช่น คุณบิดา 21 ประการ คุณมารดามี 12 ประการเป็นต้น เพื่อแสดงออกถึงความกตัญญูรู้คุณและบูชาบุคคลที่ควรบูชา


3. อุทิศบุญกุศลให้ตามลำดับคุณธรรมผู้มีอุปการะคุณต่อเรา (มีมารดาบิดา ครูบาอาจารย์ ผู้มีคุณธรรม ญาติพี่น้อง บริษัทที่จ้างงานเรา รวมไปถึงเหล่าเทพเทวาเบื้องบน เป็นต้น)
ในข้อนี้มีพิเศษ ตรงที่ขอท่านได้โปรดโมทนาสาธุ ทำไมต้อง "โปรด" ? เพราะเหล่าเทพเทวา ท่านมีบุญพร้อมมูล ท่านอาจไม่จำเป็นต้องมาโมทนากะเราท่านก็เสวยกรรมดี (ผลบุญ) ของท่านอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงร้องขอท่าน (หากท่านรับรู้) เมื่อท่านรับรู้ ท่านเกิดเห็นใจ หรือท่านอาจเคยเป็นญาติกะเรา แล้วท่านโมทนา เราก็ได้บุญหลายต่อเลย เนื่องจากเทวดาท่านมาโมทนาด้วย (เหมือนเราได้ร่วมทำบุญกะผู้ทรงศีลทรงธรรมหรือคนมั่งมีที่มีสัมมาทิฏฐิ ย่อมจะได้มาพบเจอ เกื้อกูลกันและเป็นกัลยาณมิตรที่ดี ต่างก็จะส่งเสริมชักนำกันให้ไปในทิศทางที่ดียิ่งๆขึ้นไปอีก)
ส่วนสัตว์ที่อยู่ในอบายภูมิทั้งสี่บางจำพวกนั้น อาจต้องอาศัยกำลังขององค์พระที่ท่านมีกำลังบารมีมาก แต่เราตั้งความปรารถนายินดีอุทิศบุญแก่เขาไว้ ย่อมเป็นเรื่องดี
- ความเชื่อส่วนบุคคล


4. คืออานิสงค์ผลบุญ เพื่อเป็นต้นทุนใน "คำอธิษฐาน" ของเรา
หากเราปรารถนาสุดยอดของความปรารถนา คือพระนิพพาน นี่คือสิ่งประเสริฐสูงสุดแล้ว หากเทพเทวาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์รับรู้ ท่านย่อมโมทนา พร้อมให้พรเราให้ได้สมความปรารถนา การให้ได้สมปรารถนาข้อนี้สำคัญ สำคัญอย่างไร? สำคัญตรงที่ทำให้เราเข้าถึง หรือเดินทางไปสู่ทางพ้นทุกข์ได้ง่ายและเร็วกว่าคนอื่นๆ (ที่มัวแต่จะขอสิ่งของภายนอกทั่วๆไป มันจึงต่างกันมาก)
- ความเชื่อส่วนบุคคล

หมายเหตุ: คำอธิษฐานคือเป้าหมายที่เราตั้งไว้แล้วเราจึงบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และเทวดา-พรหม) แล้วเราก็มุ่งพากเพียรเพื่อให้บรรลุผลตามคำอธิษฐานนั้นๆ (ไม่ใช่คำอ้อนวอนร้องขอ เช่น ขอให้เงินเดือนขึ้น ขอให้ถูกหวยรางวัลที่ 1 (เพื่อจะได้เงินมาทำบุญเยอะๆ ฟังดูมันเหมือนติดสินบนนะ)ฯลฯ ) พยายามอย่าขอแบบในวงเล็บก็พอ เดี๋ยวบุญจะติดลบ




ด้วยความปรารถนาดีต่อทุกรูปทุกนาม
IT Man/07.05.56

บุญเราไม่เคยสร้าง...ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า

ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเองคือบารมีลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สิน ในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว... เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว... แล้วเจ้าจะเอาอะไรไว้ในภพหน้าหมั่นสร้างบารมีไว้... แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง..."

"จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้...ครั้นถึงเวลา...ทั่วฟ้าจบดิน ก็ต้านเจ้าไม่อยู่...จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า..."

นี่คือคำเทศนาของหลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังษีที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้นิมิต หลังจากที่ท่านล่วงลับไปแล้ว เมื่อ ร้อยกว่าปีก่อน อันเป็นปฐมเหตุที่ต้องสร้างความดี อย่างไม่มีวันสิ้นสุด