วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

140: ทุกคนมีเทวดาประจำตัว จริงหรือ?

คนเราทุกๆคนนั้น มีเทวดาประจำตัวคอย ดูแลเราอยู่

เทวดาประจำตัว
ทุกๆคนจะมีเทวดาประจำตัวด้วยกันทุกคน ( ไม่ใช่องค์หรือองค์ใน )โดยปกติแล้วเมื่อเราเป็นมนุษย์ เป็นคนที่มีทาน มีศีล มีสมาธิและมีธรรม เมื่อตายจากการเป็นมนุษย์ในชาตินี้ไปแล้ว ก็จะไปเกิดบนสวรรค์ จะไปอยู่ชั้นไหนนั้นก็อยู่ที่ว่าบุญบารมีที่สร้างตอนเป็นมนุษย์มีมากเท่าไร และไปสมพงศ์กับพ่อแม่ที่อยู่บนสวรรค์คู่ไหนด้วยเทวดาก็มีรัก มีโลภ มีโกรธ มีหลง มีกิเลส มีตัญหา มีอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่คล้ายกับมนุษย์เหมือนกัน

เพียงแต่เขาไม่มีรูปร่าง มีกายเนื้อหรือมีตัวตนเหมือนกับเราเท่านั้นเอง เขามีแต่กายทิพย์ และ ทุกอย่างก็เป็นทิพย์ไปทั้งหมด อยากได้อะไรก็นึกคิดเอา ก็จะได้อย่างที่คิดสมปรารถนาทุกประการ ไปเกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้าจะมีแต่ความสุข ความเกษมสำราญแต่เพียงอย่างเดียว เทวดาจะทุกข์ก็ตอนที่บุญจะหมดและพอบุญหมดแล้วก็ต้องไปเกิดใหม่ พอรู้ว่าไปเกิดใหม่แล้วจะไม่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีกก็จะทุกข์หนัก การมาเกิดเป็นมนุษย์ของเทวดานั้นมีหลายสาเหตุ เช่น ทำผิดกฎของสวรรค์ หมดบุญ สุดท้ายนี้พิเศษหน่อยไม่หมดบุญและก็ไม่ได้ทำผิดกฎสวรรค์ แต่มาเกิดเพราะมาทำหน้าที่ๆได้รับจากเบื้องบน

แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน คนเหล่านี้ จะมีอะไรพิเศษกว่ามนุษย์โดยทั่วไป พวกนี้พอเกิดมาแล้วจะหลงตัวเอง ว่าตัวเองเก่ง ตัวเองเลิศ ไม่ฟังความคิดเห็นของใคร มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง มีสัมผัสที่หก เข้าถึงสิ่งเร้นลับได้ ทีนี้ไม่ว่าเราจะหมดบุญทำผิดกฎสวรรค์ หรือถูกส่งมาทำหน้าที่ก็ตาม เราจะมาเกิดกับพ่อแม่คู่ใหม่ยังโลกมนุษย์พ่อ แม่ พี่ น้อง ของเราบนสวรรค์องค์ใดองค์หนึ่ง ก็จะลงมาพร้อมกับดวงจิตของเรา

เพื่อที่จะคอยดูแลช่วยเหลือเราและป้องกันมิให้มารพาเราไปทำชั่ว เดี๋ยวจะกลับสวรรค์ไม่ได้ ถ้าหากเราเกิดมาแล้วทำแต่ความไม่ดี จิตที่เป็นอกุศลของเราส่งผล ทำให้มารมีพลังมากกว่าเทวดาประจำตัวของเรา ท่านก็จะเข้าใกล้และช่วยเหลืออะไรเราได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้าจิตที่เป็นกุศลของเราส่งผลเทวดาประจำตัวของเราก็จะมีพลังมากมารก็เข้าใกล้ตัวเราไม่ได้เมื่อเข้าใกล้ตัวของเราไม่ได้ มารก็จะขวางและทำอะไรเราไม่ได้เช่นกัน ที่นี้เราทำอะไรก็สำเร็จไปทุกอย่าง

เรารู้แล้วหรือยังว่าเทวดาประจำตัวของเราคือใคร? มีพระนามว่าอะไร? เกี่ยวข้องกับเราอย่างไร?
ภูมิชั้นต่างๆ ของเทพเทวดานับจากมนุษย์ขึ้นไปจะเป็นเทพเทวดา๖ ชั้น มี

ชั้นที่๑ เรียกชั้นจาตุมหาราชิกา
ชั้นที่๒ เรียกชั้นตาวะติงสา(ดาวดึงส์)
ชั้นที่๓ เรียกชั้นยามา
ชั้นที่๔ เรียกชั้นดุสิต
ชั้นที่๕ เรียกชั้นนิมมานรดี
ชั้นที่๖ เรียกชั้ปรนิมมิตวสวัตตี


สวรรค์ชั้นเทวดาจะมีแค่ ๖ ชั้นเท่านั้น สูงจากชั้นของเทวดาขึ้นไปอีก ๑๖ ชั้น จะเป็นชั้นของรูปพรหม สูงจากชั้นของรูปพรหมขึ้นไปอีก ๔ ชั้น จะเป็นชั้นของอรูปพรหม

ถ้าหากตัวของเรามีปัญหาอะไร ให้จุดธูป ๑๖ ดอกบอกกล่าวให้เทวดาประจำตัวและเทวดาที่มาสร้างบารมี ให้ท่านช่วยเหลือและเวลาเราไปทำบุญทำกุศลอะไร ก็บอกให้ท่านได้อนุโมทนาบุญกับเราด้วยทุกครั้ง แต่ถ้าหากเทวดาถูกอาจารย์ขมังเวทย์สะกด ท่านก็ช่วยอะไรเราไม่ได้เช่นกัน ฉะนั้นเวลาไปที่ไหนก็ให้ระวังตัวบ้าง ทั้งเทวดาและก็ตัวเราด้วย ......



เทวดามาสร้างบารมี

จะคล้ายกับเทวดาประจำตัวของเรา จะแตกต่างตรงที่ว่า เทพเทวดาเหล่านี้ จะมีความเกี่ยวข้องกับเราสมัยยังเป็นมนุษย์มาแล้ว เช่น เราเคยเกิดเป็นข้าทาสหรือบริวารของกษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง พอเรามาเกิดในชาตินี้ ท่านก็จะตามมาช่วยเหลือและดูแลเรา ส่วนมากจะเรียกว่า “ มีองค์ หรือ องค์ใน ” บางคนมีความเกี่ยวข้องกันก่อนสมัยพระพุทธองค์เสียอีก

ถ้าหากมีมารขวาง ท่านก็ช่วยเราไม่ได้อีกเช่นกันเผลอ ๆ มารก็จะปลอมเป็นองค์ใน หรือ ตัวของท่านเสียเลย ตาเนื้อของมนุษย์มองไม่เห็น จึงคิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีจริง ทำให้เกิดความไม่เชื่อ พอไม่เชื่อบางคนก็ลบหลู่ ผลกรรมก็จะเกิดกับตัวของเขาเอง จะส่งผลก็ต่อเมื่อกรรมที่เป็นอกุศลในตัวของเขาส่งผลหรือว่าบุญของเขาหมดก่อนนั่นแหละ ทุก ๆ วันนี้ต้องพูดด้วยเหตุผลและหลักฐานจึงจะยอมรับกัน

แต่บางสิ่งบางอย่างในโลกนี้ ก็หาหลักฐานและเหตุผลมาพิสูจน์ไม่ได้เหมือนกัน เพราะเป็นเรื่องของนาม เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ การที่จะสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ได้ จิตจะต้องได้รับการฝึกจิตมาดีพอสมควรทั้งในเรื่องของทาน ศีล สมาธิและธรรม ฝึกจนจิตได้ญาณ อย่าลืมนะว่าคนที่คอยช่วยเหลือเราก็คือ เทวดาประจำตัวของเราและเทพเทวดาที่มาสร้างบารมีร่วมกับเรา แต่ในที่นี้ต้องไม่มีมารแทรกอยู่ เขาถึงจะช่วยเราได้เต็มที่ 


ทำไมเราจึงเห็นคนบางคนมีองค์หรือมีอะไรแฝงอยู่ซึ่งไม่เหมือนกับคนธรรมดามีที่มาพอจะเล่าให้ทราบย่อ ๆ คือ มีอยู่ครั้งหนึ่งพระอานนท์ได้ทูลถามพระพุทธองค์ว่า อีกนานเท่าไรคำสอนของพระพุทธองค์จะหมดไปจากโลกนี้ พระพุทธองค์ตอบ พระอานนท์ว่าอีก ๕,๐๐๐ ปี เมื่อทราบว่าเป็นเช่นนี้พระภิกษุ พระภิกษุณี สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เป็นผู้ขอทำนุบำรุงดูแลรักษาคำสอนทางพระพุทธศาสนา ๒๕๐๐ ปี ส่วน ๒,๕๐๐ ปีหลังเหล่าองค์เทพเทวดาทั้งหลาย ขอลง มาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อจากมนุษย์ทั้งหลายเป็นเวลา ๑,๒๕๐ ปีและส่วนที่เหลืออีก ๑,๒๕๐ ปี

สุดท้าย พวกยักษ์ พวกมาร ขอลงมาทำนุบำรุงดูแลพระพุทธศาสนาในช่วงสุดท้ายแทนต่อจากเหล่าเทพเทวดา จึงต้องทำให้คำสอนของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ต้องหมดไปเพราะพวกยักษ์ พวกมารย่อมไม่ทำให้เจริญแน่นอนซึ่งในช่วงนี้ก็เป็นช่วงของเหล่าเทพเทวดาลงมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เวลาก็ได้ผ่านไปแล้วในปัจจุบันนี้ผ่านได้ ๔๘ ปี ที่เข้าสู่ช่วงเหล่าเทพเทวดา


เราจะเห็นว่าในปัจจุบันจะมีการค้าพระพุทธขุดพระธรรมและก็ยำพระสงฆ์ให้เห็นกันอยู่ประจำ

- ค้าพระพุทธหมายความว่า มีการหล่อ กดพิมพ์พระพุทธรูปขายกันเป็นสินค้ากันและก็วางขายกันอย่างกับ ไม่ใช่ของสูงที่เคารพบูชาอย่างนั้น
- ส่วนขุดพระธรรมก็หมายถึง การพิมพ์ ตำรับตำราขายกันจริงบ้างหลอกบ้าง ส่วนยำพระสงฆ์ทุกท่านก็คงเห็นข่าวทางสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ ทำลายภาพพจน์ของพระสงฆ์ทำลายความศรัทราของชาวพุทธที่มีต่อพระศาสนาลงไปเรื่อย ๆ



ส่วนเหล่าเทพเทวดาก็ยังทำ อะไรได้ไม่เต็มที่ เพราะเทวดาเป็นแค่ดวงจิต ดวงวิญญาณ ไม่มีร่างกาย ฉะนั้นการที่จะมาทำงานตรงนี้ได้ ให้สำฤทธิ์ผลก็จะต้องมีร่างกายที่สามารถจับต้องและเคลื่อนไหวได้ ท่านก็เลยต้องหาร่างและร่างที่ดีที่สุดก็คือร่างของมนุษย์นี่แหละ จู่ๆท่านจะไปเอาหรือยึด ใครมาเป็นร่างของท่านเลยทันทีไม่ได้ ผู้ที่จะเป็นร่างของท่านได้นั้น ในอดีตจะต้องเป็นสายเลือดมี ความผูกพันกันมาก่อนเช่น ลูกศิษย์กับอาจารย์เป็นต้น บางทีเราไม่ยอมรับท่าน ท่านก็จะทำให้เรา ต้องยอมรับท่านให้ได้

ถ้าหากเราไม่รู้ท่านก็จะทำให้เรารู้จนได้ ก็ทำให้เราเดือดร้อน เป็นทุกข์มีปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งการเงิน การงาน สุขภาพ ทำให้เราเจ็บป่วยหมอก็หาสาเหตุของโรคไม่เจอ คนที่มีและเคยผ่านประสบการณ์ตรงนี้ก็มีมากเหมือนกันและก็ไม่สามารถที่จะพูดและอธิบายให้ใครๆฟังได้คน ที่เจอกับตัวเองจริงๆ ถึงจะรู้ว่าเป็นอย่างไร พอมนุษย์บางคนมีตรงนี้แล้ว ก็ต้องพากันสร้างบุญบารมีทั้งตัวมนุษย์และเทวดา ไม่ใช่ว่ามาข่มและอวดบารมีกันว่า ข้าองค์ใหญ่ ท่านองค์เล็ก ของข้าบารมีเยอะของท่านบารมีน้อย ข้ามาก่อนส่วนแกมาทีหลัง

พอมนุษย์เป็นอย่างนี้ มารก็ได้โอกาสชิงเป็นตัวของท่านไปเสียเลย ทำให้เสียทั้งคนและเสียทั้งเทวดาไปเลย เทวดาก็เลยหมดโอกาสที่จะได้สร้างบุญบารมีและมารก็จะพามนุษย์คนนั้นให้ตกต่ำไป ยิ่งตัวมนุษย์ไม่มี ศีล มีธรรมแล้ว มารยิ่งมีพลังมาก พอตัวของเรามีปัญหาเขาจะทักเราว่า “ มีองค์ ” จะต้อง ทำการรับขันธ์และเสริมบารมี

อาจารย์ขอบอกตรงๆ ว่าอย่าทำและอย่ารับเด็ดขาดคุณ จะถูกสะกดเป็นบริวารและก็เทวดาของคุณด้วย ถ้าใครรับแล้วให้ทำการถอนขันธ์เสีย เขาจะเอาบริวารของเขาใส่ไว้ในขันธ์ คอยสืบข่าวดูเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเรา ว่าเป็นอะไรอย่างไร พอเราเข้าไปหาเขาเขาก็จะถามบริวารของเขาที่อยู่กับเรา มันจะรายงานเขาหมดเลย เราก็เลยเห็นว่าเขาเก่ง ดูแม่น รู้ไปหมดทุกอย่างเลยเกี่ยวกับตัวเรา สังเกตดูคุณจะดีในช่วงแรก ๆ เท่านั้น

หลังจากที่เข้าไปหาเขาแล้ว ต่อจากนั้นคุณก็จะต้องเข้าไปหาเขาอีก ส่วนเวลาที่เหลืออีกหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบปีหลังที่เหลือ พวกลูกยักษ์หลานมาร ขอมาเป็นผู้ทำนุบำรุงดูแลพระพุทธศาสนาในช่วงสุดท้าย ที่นี้ไม่ต้องพูดและคิดแล้วว่า อะไรจะเกิดขึ้น กับคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ว่าจะเป็นอย่างไร ขณะที่พระพุทธองค์ ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ พวกมารยังขัดขวางและจะทำลายเลย พระพุทธองค์ใครขอใคร นิมนต์อะไรท่านก็ทรงให้หมด

หลังจากช่วงที่พวกลูกยักษ์หลานมารเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้แล้ว สังคมมนุษย์ก็จะเข้าสู่กลียุคไปเรื่อยทุก ๆ วัน มนุษย์จะห่างไกลจากคำสอนในทางพระพุทธศาสนา ไม่มีศีล เข่นฆ่ากัน ขาดการปฏิบัติธรรม ไม่มีความเชื่อความศรัทธาในพระพุทธ ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ว่าปฏิบัติแล้วจะมีความสุขความเจริญได้ จริงความเชื่อความศรัทธาก็ลดน้อยลง พอพลังศรัทธาหมดลดน้อยลง ผู้ที่เป็นพระ ที่มีหน้าที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาก็ต้องออกทำมาหา กิน ปลูกผักปลูกหญ้าและหุงหาอาหารกินกันเอง เวลาที่จะ ไปศึกษาธรรม และปฏิบัติธรรมก็ไม่มี


สุดท้ายที่สุดก็เหลือผ้าเหลืองน้อยห้อยหู ห้อยคอ หรือผูกข้อมือเอาไว้เป็นเครื่องแสดงว่านี่แหละคือพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา มีไว้เป็นผู้ประกอบหรือทำพิธีกรรมต่างๆเท่านั้น หลังจากครบ ๕,๐๐๐ ปีแล้วคำสอนก็หมดไป มนุษย์ก็เข้าสู่กาลของกลียุค มนุษย์จะไม่มีศีลไม่มีธรรม อยู่กันอย่าง สัตว์ดิรัจฉานไม่รู้จักพ่อ ไม่รู้จักแม่ไม่รู้จักลูก พอแต่งงานกันได้ลูกหญิงหรือลูกชาย พอลูกโตขึ้น พ่อก็เอาลูกหญิงเป็นภรรยาแม่ก็เอาลูกชายเป็นสามี พี่เอาน้อง น้องเอาพี่ สังคมของมนุษย์จะเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น เริ่มจากคนรอบข้างก่อนหลังจากนั้นก็คนที่ไกลตัวออกไป ท้ายสุดก็ตัวใครตัวมัน ความผูกพันในสายเลือดก็หมดไป

ในปัจจุบันก็เริ่มเกิดขึ้นแล้ว เหตุการณ์เหล่านี้จะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ จนกว่ามนุษย์จะมีอายุขัยเพียง ๑๐ ปีแล้วก็จะตาย พออายุได้ปีสองปีก็ต้องมีครอบครัวกันแล้ว ตอนนั้นมนุษย์จะตัวเตี้ย จะต้องสอยพริกสอยมะเขือกิน จะเข่นฆ่ากันเอง หลังจากนั้นมนุษย์ก็เริ่มรู้ว่าอะไรชั่วและอะไรดีแล้ว ก็หันกลับมารักษาศีล มาปฏิบัติธรรม กันชีวิตของมนุษย์ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากสิบปี เป็นยี่สิบ สามสิบ เป็นร้อย เป็นพันเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นโกฏิ จนถึงหนึ่งอสงไขย

พออายุยืนนานมาก มนุษย์ก็ไม่รู้จักความตายจึงเกิดความประมาท อายุก็ลดลงมาๆจนถึงแปดหมื่นปีถึงจะตาย กาลนั้นแหละก็จะเป็นยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย จะเป็นยุคเริ่มต้นของมนุษย์ที่มี ศีลธรรมเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด ส่วนผู้ที่ปรารถนาจะไปเกิดในยุคของพระศรีอาริเมตไตรก็ให้ทำดังนี้คือ

๑. รักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์
๒.ฟังเทศน์พระเวสสันดรสิบสามกัณฑ์ให้จบภายในหนึ่งวันและหนึ่งคืน
๓.ให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้ได้ไปเกิดร่วมพระชาติเดียวกันกับพระองค์ท่าน


ตอนนี้ท่านเป็นเทพ อยู่สวรรค์ชั้นดุสิต ( ชั้น ๔ ) พอหมดบุญจากสวรรค์ชั้นดุสิตแล้ว จะมาจุติยังโลกมนุษย์อีกครั้งเพื่อจะมาสร้างบำเพ็ญทานบารมี มีเช่นเดียวกับพระเวสสันดร พอดับจากชาติที่ บำเพ็ญทานบารมีนี้แล้ว ก็จะไปจุติยังสวรรค์ชั้นดุสิตอีก

หลังจากนั้นจึงจะมาจุติยังโลกมนุษย์อีกครั้ง มาตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์สุดท้ายในจักรวาลนี้ มีพระนามว่า “สมเด็จพระศรีอาริเมตไตร” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะหมดและมีเพียงเท่านี้ยังมีอีกอย่างน้อยก็อีก ๘ ถึง ๙ พระองค์ เรายังจะต้องเวียนตายเวียนเกิดกันอีกนาน...........

ทวดาที่จะมาสร้างบารมี ของเราเป็นใคร? มีพระนามว่าอะไร ? น้อมจิตน้อมใจรับรู้และตั้งรับองค์ท่านเสีย พากันให้ทาน พากันรักษาศีล พากันเจริญสมาธิและศึกษาธรรม ทำให้ถูกต้อง ความสุข ความสบาย ความเจริญ ทรัพย์สินเงินทอง ความร่ำรวย สุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงทุกสิ่งทั้งหมดทั้งหลายจะได้ตกอยู่ที่ตัวของเรา โดยการสร้างบารมีของเราไปพร้อมกับพระองค์ท่าน ……



ที่มา:
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.kontatip.com/
http://board.palungjit.com/f2/คุณรู้ไหมคนเราทุกๆคนนั้นมีเทวดาประจำตัวคอยดูแลเราอยู่-17820.html
http://palangjai.0fees.net,http://www.meetham1.com,http://uc.exteenblog.com